นายเกียรติศักดิ์ เจนวิภากุล กรรมการสมาคมนักวิเคราะห์และกรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ เปิดเผยในงาน Hot Issue ครั้งที่ 4 ปี 2561 หัวข้อ "เจาะลึกลงทุน หุ้นไทยขานรับ การเมืองเริ่มชัดเจน"ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 62 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากความชัดเจนเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ้งเชื่อว่าภายหลังจากการเลือกตั้งผ่านไปแล้วจะเป็นปัจจัยหนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้ามายังประเทศไทยเพิ่มขึ้น และทำให้ตลาดหุ้นไทยซื้อขายหุ้นใน P/E ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติที่ฝ่ายวิจัยใช้อยู่ Forward P/E ของปี 62 ที่ 15.6 เท่า และมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 125 บาท
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยยังต้องเผชิญกับมีปัจจัยเสี่ยงที่มีมาอย่างต่อเนื่อง คือ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ แต่มองว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐไม่ได้เร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่สงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐเชื่อว่าจะได้ข้อยุติในอีกไม่นานนี้ หลังจากที่ผ่านมาได้ทยอยออกมาตรการต่าง ๆ ไปมากแล้ว ซึ่งอาจมีผลกระทบกับการค้าระหว่างประเทศไปบ้าง จึงต้องติดตามการแก้ปัญหาของภาคเอกชนว่าจะทำได้รวดเร็วเพียงได แต่ก็อาจได้เห็นผู้ประกอบการย้ายฐานการผลิตได้ในอนาคต
สำหรับภาพรวมของเศรษฐกิจโลกในปี 62 มองว่าฟื้นตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งจะเห็นการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศต่างๆทั่วโลกเริ่มชะลอลางไปบ้าง เช่นเดียวกับประเทศไทยก็มองว่าการเติบโตจะชะลอลงไปจากช่วงที่ผ่านมาเช่นกัน แต่ประเทศไทยยังถือว่ามีความเข้มแข็งทางก้านการเงิน ต่างจากประเทศเกิดใหม่อื่นๆที่มีภาวะขาดดุลการค้า และค่าเงินมีการอ่อนค่าลง
"trend ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะค่อยๆ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น แต่มองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้ไม่ได้ส่อแววถึงการเกิดวิกฤตเหมือนกับครั้งก่อนๆ ที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อยังถือว่าอยู่ในกรอบที่ไม่ได้สูงนัก และบางประเทศยังอยู่ในระดับที่ต่ำไปด้วยซ้ำ"นายเกียรติศักดิ์ กล่าว
ด้านนางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการรายงานผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3/61 ซึ่งคาดว่าจะออกมาได้ค่อนข้างดีในหลายๆกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นภาคการส่งออกที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่กลุ่มน้ำมันเองเชื่อว่าจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงปลายปี
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลุ่มธนาคารคาดว่าผลประกอบการจะออกมาทรงตัว เนื่องจากการปรับโครงสร้างรายได้หลังจากไม่มีค่าธรรมเนียมธุรกรรมออนไลน์
ส่วนของปัจจัยภายนอกมองว่ายังคงต้องติดตามการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจจะมีการปรับขึ้นอีก 1 ครั้งในปีนี้ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องติดตามระดับเงินเฟ้อสหรัฐว่าจะเร่งตัวขึ้นเร็วเพียงได โดยในปี 62 คาดว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นอีก 3 ครั้ง