สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Invester Confidence Index) ประจำเดือน ต.ค.61 ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธ.ค.61) เพิ่มขึ้นมากในเกณฑ์ร้อนแรง (Bullish) เป็นเดือนแรกในรอบ 7 เดือน โดยเพิ่มขึ้น 12.01% มาอยู่ที่ระดับ 120.60
โดยผลสำรวจนักลงทุนเชื่อมั่นในสถานการณ์การเมือง การเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง และภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่เติบโตต่อเนื่อง สนับสนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน ขณะที่นักลงทุนเฝ้าติดตามผลกระทบสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐ การไหลเข้าออกของเงินทุน เป็นตัวฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ว่าทิศทางการลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนมาจากสถานการณ์ทางการเมือง และความเชื่อมั่นการเติบโตเศรษฐกิจของไทย ตัวเลขการส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่อง และความเชื่อมั่นในภาคการท่องเที่ยวแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนลดลงก็ตาม
รวมทั้งแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ไม่ส่งสัญญาณเพิ่มกำลังผลิตและมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะถูกบังคับใช้ในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ขณะที่นโยบายของสหรัฐล่าสุดประกาศเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ การประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) 0.25% เป็นรอบที่ 3 ในปีนี้ และมีแนวโน้มปรับขึ้นอีกครั้งช่วงเดือน ธ.ค. การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในหลายประเทศและผลกระทบจากเงินทุนนำไหลออกระหว่างประเทศ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะในประเทศเกิดใหม่ (Emerging Market) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนติดตาม
นอกจากนี้ ยังคงต้องพิจารณาประเด็นหลัก ๆ คือ ทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางยุโรปภายหลังลดปริมาณตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) 1.5 หมื่นล้านยูโร เดือน ต.ค.-ธ.ค. จากปัจจุบันที่เพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเดือนละ 3 หมื่นล้านยูโร และคาดว่ามาตรการ QE จะยุติในสิ้นปีนี้ แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศไทยในช่วงสิ้นปี รวมไปถึงภาวะเศรษฐกิจจีนและยุโรปจากผลกระทบสงครามทางการค้า
สำหรับในช่วงเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยช่วงต้นเดือนมีทิศทางที่ปรับตัวลดลงจากความกังวลนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ โดยดัชนีลดลงไปต่ำสุดที่ 1,672 จุด และปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนภายหลังประกาศบังคับใช้ พ.ร.บ.เกี่ยวกับการได้มาของ ส.ส. และ ที่มาของ ส.ว. และการผ่อนคลายเกณฑ์ในการทำกิจกรรมพรรคการเมือง ซึ่งส่งผลต่อความเชื่อมั่นเกี่ยวกับวันเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้ามีมากขึ้น โดยดัชนีฯช่วงปลายเดือนเพิ่มขึ้นมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,750 จุดจากแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนสถาบันในประเทศ
นายไพบูลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดธนาคาร และหมวดที่ไม่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดแฟชั่น