นายรอย ออกุสตินัส กุนารา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้เติบโต 15% เป็นไปตามการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์และไมโครไฟแนนซ์ จากปีก่อนที่มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านบาท และการขยายตัวของสาขา จากปัจจุบันที่มีสาขาทั้งสิ้น 316 สาขา แบ่งเป็นสาขาประเภทรับ ฝาก ถอน โอน และขายประกัน ซึ่งจะอยู่ในพื้นที่ที่มีกำลังซื้อสูง จำนวน 21 สาขา โดยมีพอร์ตเงินฝากรวมอยู่ที่ 4 หมื่นล้านบาท และอีก 295 สาขาจะเป็นสาขาให้บริการสินเชื่อ ซึ่งจะอยู่ในชุมชนต่างๆ โดยเฉพาะพื้นที่ใกล้ตลาด
ทั้งนี้ ธนาคารไทยเครดิตฯ ตั้งเป้าหมายจะขยายสาขาเพิ่มเป็น 500 สาขา และครอบคลุมพื้นที่ในตลาด 5 พันแห่งภายในปี 62 จากปัจจุบันครอบคลุมแล้ว 2.5 พันแห่งทั่วประเทศเพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจขนาดเล็กและธุรกิจรายย่อย โดยปัจจุบันธนาคารมีลูกค้ารวมทั้งสิ้น 1.74 แสนราย คาดว่าในปีหน้าจะมีจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 8 พันราย ถึง 1 หมื่นราย ตามการขยายตัวของสาขา
นอกจากนี้ ธนาคารไทยเครดิตฯ จะควบคุมระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้ให้อยู่ในระดับปัจจุบันที่ 5% จากการบริหารติดตามลูกหนี้ แม้ลูกค้าส่วนใหญ่ของธนาคารจะเป็นลูกค้าที่ไม่มีหลักประกัน หรือนาโนไฟแนนซ์ แต่ก็มีระยะเวลาในการทำธุรกิจมาเป็นเวลานาน ซึ่งทำให้สามารถติดตามเก็บหนี้ได้ โดยกลยุทธ์ของธนาคาร คือการมีสาขาที่อยู่ใกล้ลูกค้า ทำให้บริหารจัดการได้ค่อนข้างดี อีกทั้งภายในปีนี้ธนาคารจะให้บริการระบบดิจิทัลกับทางลูกค้า เพื่อเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการธุรกิจ แต่ในรายละเอียดยังไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีการเติบโตได้ค่อนข้างสูง และเป็นธนาคารรายย่อยที่มีการเติบโตสูงที่สุดในประเทศไทย โดยมีการเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง 158% และคาดว่าปีนี้กำไรสุทธิจะเติบโตเป็น 700 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 531 ล้านบาท ขณะที่รายได้ส่วนใหญ่ยังคงมาจากดอกเบี้ย 80-90% ของรายได้รวมทั้งหมด และที่เหลือจะมาจากรายได้ค่าธรรมเนียมและการขายผลิตภัณฑ์อื่นๆ
"ปีนี้เราคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 15% และในปีหน้าก็คาดว่าจะเติบโตได้ในระดับ 15% เช่นกัน จากการเติบโตของสาขาและพอร์ตสินเชื่อ โดยมองภาพการแข่งขันการปล่อยสินเชื่อเพื่อรายย่อย ถือว่ายังมีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา แต่ในแต่ละธุรกิจมีการดำเนินงาน หรือกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันไป อย่างฐานลูกค้าของธนาคารฯ ก็จะเป็นกลุ่มลูกค้าในระดับรากหญ้า และส่วนใหญ่เป็นธุรกิจอิสระและมีขนาดเล็กที่สถาบันการเงินอื่นไม่รองรับการให้บริการ หรือไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร"นายรอย กล่าว
นายรอย กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดธนาคารไทยเครดิตฯ เปิดตัวแคมเปญสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพื่อเข้าถึงผู้ประกอบการรายย่อยและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ด้วยภาพยนตร์โฆษณา "ใครไม่เห็น เราเห็น" ภายใต้แนวคิด ทุกคนคือคนสำคัญ อย่างไรก็ตามธนาคารพร้อมให้การสนับสนุนเจ้าของธุรกิจรายย่อยที่ดีทุกราย ที่ต้องการปรับปรุงธุรกิจหรือกระแสเงินสดของตน
ด้านนายวิญญู ไชยวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย กล่าวว่า ธุรกิจรายย่อยและธุรกิจไมโครเอสเอ็มอีหลายล้านแห่งเหล่านี้ เป็นหัวใจสำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่ไม่ได้มีประวัติการเงินที่แข็งแกร่งนัก ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้หันไปพึ่งสินเชื่อในช่องทางที่ไม่เป็นทางการ เช่น เงินกู้นอกระบบ โรงรับจำนำ กู้ยืมจากเพื่อนหรือญาติพี่น้อง เพราะธนาคารในระบบไม่ให้ความสนใจและถูกละเลยจากสถาบันการเงินทั่วไป ซึ่งการได้สินเชื่อจากธนาคารไทยเครดิตฯจะช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถจ่ายคืนเงินกู้จากเจ้าหนี้ที่ไม่เป็นทางการเหล่านั้นได้
ธนาคารไทยเครดิตฯ เป็นธนาคารที่ได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการ ในการให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการรายย่อยระดับนาโนและไมโครไฟแนนซ์ และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมุ่งให้บริการผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อปรับปรุงธุรกิจและกระแสเงินสด ไม่ใช่เพื่อการบริโภค ธนาคารมีสาขาตั้งอยู่ในตลาดสดที่ผู้ประกอบการรายย่อยสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย โดยธนาคารมุ่งจาะ 2 กลุ่มลูกค้า ได้แก่ กลุ่มลูกค้าผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายของแบบดั้งเดิม หรือตลาดสดที่ซื้อมาขายไป และลูกค้าไมโครเอสเอ็มอี บริหารงานโดยเจ้าของที่มีความชำนาญเฉพาะด้าน เป็นร้านที่ตั้งอยู่นอกตลาดสด เช่น ร้านขายยา คลินิกขนาดเล็ก ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ซึ่งปกติมักเป็นธุรกิจครอบครัวที่ทำธุรกรรมด้วยเงินสดเท่านั้น