บมจ.ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง (TIGER) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่หุ้นละ 3.65 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 10-12 ต.ค.นี้ และเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 24 ต.ค.นี้ ในกลุ่ม "อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง" โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า TIGER
ทั้งนี้ TIGER มีแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 122.28 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาท/หุ้น ปัจจุบัน TIGER มีทุนจดทะเบียน 230 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 460 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่เรียกชำระแล้ว 168.86 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 337.72 ล้านหุ้น
นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม สายงานวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TIGER เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้ TIGER ได้แต่งตั้งผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 4 แห่งประกอบด้วย บล. โกลเบล็ก, บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) และ บล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย)
"การกำหนดราคาขายหุ้นไอพีโอของ TIGER ที่ 3.65 บาท/หุ้น ถือเป็นระดับราคาที่มีความเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีส่วนลดให้กับนักลงทุนกว่า 30% เมื่อเทียบกับบทวิเคราะห์ โดย TIGER ถือเป็นผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโครงการทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นงานรับเหมาภาครัฐ งานยากๆอย่างงานก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ทตามเกาะต่างๆ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญเฉพาะด้าน ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกค้าแบบปากต่อปาก และใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมาเติบโตอย่างโดดเด่น รายได้รวมขยายตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ยสูงถึง 30% ต่อปี และที่สำคัญในส่วนของอัตรากำไรขั้นอยู่ในระดับสูงกว่า 16-18% เนื่องจากทีมงานประสบการณ์มายาวนาน ทำให้สามารถบริหารจัดการ และควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด"นายรัฐชัย กล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 61 กลุ่มบริษัท TIGER มีรายได้รวมจำนวน 353.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 91.10 ล้านบาท หรือ 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 58.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.58 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายจตุรงค์ ศรีกุลเรืองโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TIGER และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย อิงเกอร์ จำกัด (TEC ) กล่าวว่า เตรียมนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับรองรับแผนขยายธุรกิจ เข้าร่วมประมูลงานภาครัฐ และเข้ารับงานเอกชน ซึ่งจะช่วยผลักดันให้ธุรกิจของบริษัทในช่วง 3-5 ปี ข้างหน้าเติบโต อีกทั้งยังพร้อมเข้าร่วมประมูลงานภาครัฐ รองรับการลงทุนของภาครัฐในการวางโครงสร้างพื้นฐานในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
"การระดมทุนในครั้งนี้ของ TIGER จะใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับแผนการประมูลงานภาครัฐ และภาคเอกชนที่มูลค่าสูงขึ้น สร้างโอกาสการเติบโต ผมมั่นใจว่าการเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวที่สำคัญของ TIGER เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต ซึ่งเรามั่นใจว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีฐานทุนที่มากขึ้น ทำให้มีโอกาสรับงานมูลค่าที่สูงขึ้น ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต"นายจตุรงค์ กล่าว