TMB ลบ 0.68% ลูกหุ้นเข้าวันแรก โบรกฯเชื่อนลท.ไม่ขาย เหตุมีต้นทุนสูง

          หุ้น TMB ลบ 0.68% อยู่ที่ 1.46 บาท ลดลง 0.01 บาท เมื่อเวลา 10.06 น.โดยเปิดตลาดที่ 1.46 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 1.46 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 1.45 บาท 
          วันนี้เป็นวันแรกที่หุ้นเพิ่มทุนของธนาคารทหารไทย (TMB) จำนวน 2.5 หมื่นล้านหุ้นเข้าซื้อขาย โดย TMB ขายหุ้นเพิ่มทุน 2.88 พันล้านหุ้นให้ผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 1 หุ้น เดิมต่อ 0.4941 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 1.40 บาท
          บทวิเคราะห์ บล.บีฟิท ระบุการเข้าทำการซื้อขายลูกหุ้น TMB ในวันนี้ ไม่น่าจะส่งผลลบต่อ TMB มากเนื่องจากราคาลูกหุ้น TMB ที่ 1.40 บาท สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมทั่วไป(6.3 พันล้านหุ้น) ต่ำกว่าราคาปิดของ TMB ที่ 1.47 บาท (2 ม.ค. 51) เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนั้น คาดว่าต้นทุนเฉลี่ยของนักลงทุนส่วนหนึ่งน่าจะสูงกว่าระดับนี้เนื่องจากนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวถือหุ้น TMB ที่ติดไว้มานานแล้วในราคาที่สูงในช่วงหลายปีก่อน ดังนั้น การขายหุ้น TMB ที่ระดับราคานี้น่าจะทำให้เกิดการขาดทุนได้ ทำให้คาดว่านักลงทุนกลุ่มดังกล่าวน่าจะยังต้องถือลูกหุ้น TMB ไว้ก่อน
          สำหรับข่าวปรับโครงสร้างการบริหารไม่ใช่เรื่องใหม่ และคาดว่าตลาดหุ้นจะไม่ให้น้ำหนักกับการลดอันดับ Hybrid Bond ของ S&P เพราะเป็นประเด็นที่เคยเกิดขึ้นและได้ระบุไว้ในเงื่อนไขของ Hybrid Bond อยู่แล้ว (TMB ไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ยถ้าหากธนาคารยังขาดทุนอยู่) แนะนำเพียงถือ
          วานนี้ S&P ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือใน การออกตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือไฮบริดบอนด์ของ TMB สู่ระดับ D จากเดิมที่ระดับ CC หลังจากที่ธนาคารระบุว่าจะไม่จ่ายดอกเบี้ยไฮบริดบอนด์วงเงิน 200 ล้านดอลลาร์  
          หลังจากแนะนำให้ซื้อเก็งกำไรที่ระดับราคา 1.20 บาท จาก PBV ที่ 1 เท่า โดยคาดว่าธนาคารจะพลิกกลับจากการขาดทุน 4 หมื่นล้านบาท ในปี 50 มาเป็นกำไร 4.4 พันล้านบาท ในปี 51 หลังภาระการตั้งสำรองจำนวนมากลดลง และการปรับโครงสร้างเงินฝากออมทรัพย์จะช่วยให้ต้นทุนทางการเงินเฉลี่ยของธนาคารลดลงได้ในอนาคต นอกจากนั้น การหันมาเน้นปล่อยสินเชื่อเพื่อ SME จะมีส่วนช่วยให้ NIM กว้างขึ้นด้วย โดยคาดว่า NIM ในปี 51 ของธนาคารจะอยู่ที่ 2.73% และสินเชื่อ (Gross Loan) มีการเติบโต 4.11% YoY