ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร LOXLEY ที่ "BBB+" และหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนที่ "A-" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 10, 2018 13:23 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บมจ. ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) ที่ระดับ "BBB+" และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนของบริษัทที่ระดับ "A-" โดยอันดับเครดิตหุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของทั้งผู้ค้ำประกันและผู้ออกตราสาร ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทได้รับการค้ำประกันในสัดส่วน 45% ของเงินต้นและดอกเบี้ยค้างชำระโดยธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ "BBB+" ด้วยแนวโน้ม "Stable" หรือ "คงที่" (International Scale) จาก S&P Global Ratings

อันดับเครดิตของบริษัทสะท้อนถึงการมีธุรกิจที่หลากหลายและความสัมพันธ์ที่ยาวนานทั้งกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่าย การประเมินอันดับเครดิตยังพิจารณาถึงกระแสเงินสดจำนวนมากที่ได้รับจากเงินปันผลจากบริษัทร่วม 2 บริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตดังกล่าวถูกลดทอนลงจากการที่บริษัทมีอัตราการทำกำไรที่ค่อนข้างต่ำและรายได้ที่ผันผวนซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายได้จากงานโครงการ

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ธุรกิจที่หลากหลาย

บริษัทให้บริการและจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายผ่านบริษัทย่อยต่าง ๆ ที่บริษัทถือหุ้นทั้งหมดหรือถือหุ้นส่วนใหญ่ โดยธุรกิจของบริษัทสามารถแบ่งเป็น 5 กลุ่มธุรกิจหลักซึ่งได้แก่ (1) ธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ (2) ธุรกิจพลังงาน (3) ธุรกิจ Network Solution (4) ธุรกิจให้บริการด้านอาหารและจัดจำหน่าย และ (5) ธุรกิจบริการ บริษัทยังได้ลงทุนในบริษัทร่วมและกิจการร่วมค้าหลายแห่งซึ่งช่วยขยายขอบเขตกิจการของบริษัทออกไปในหลาย ๆ ธุรกิจ เช่น การผลิตและจำหน่ายน้ำมันเครื่อง เหล็กแผ่นเรียบเคลือบโลหะและเคลือบสี และอื่น ๆ โดยแหล่งรายได้ที่หลากหลายจากธุรกิจจำนวนมากจะช่วยลดความผันผวนของรายได้

รายได้หลักจากงานโครงการ

ผลการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่มาจากรายได้จากงานโครงการซึ่งคิดเป็นมากกว่า 50% ของรายได้รวม โดยโครงการของบริษัทส่วนใหญ่เป็นงานของหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นรายได้ของบริษัทจึงขึ้นอยู่กับงบประมาณรายจ่ายและโครงการใหม่ ๆ ของภาครัฐ งานของบริษัทจึงมีความเสี่ยงต่ำในการผิดนัดชำระเงินแต่ก็มีอัตราการทำกำไรที่ต่ำด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ การประมูลงานโครงการภาครัฐอาจเกิดความล่าช้าหรือยกเลิกซึ่งยิ่งสร้างความผันผวนให้แก่รายได้ของบริษัทมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้งบริษัทเองและคู่แข่งที่ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารยังจะต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยีซึ่งอาจส่งผลให้สินค้าหรือบริการบางอย่างล้าสมัยได้

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าภาครัฐจะยังคงใช้งบลงทุนมากขึ้นในอุตสาหกรรมเทศโนโลยีและสารสนเทศเนื่องจากต้องการสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าในการเพิ่มรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการด้านอาหารและจัดจำหน่าย และธุรกิจบริการ ดังนั้นทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 14,000 ล้านบาท ถึง 16,000 ล้านบาทในช่วงปี 2561-2563 ความสัมพันธ์ที่ยาวนานทั้งกับลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายและการมีพนักงานที่มีความชำนาญสูงบริษัทมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานทั้งกับลูกค้าและผู้ผลิตและจำหน่าย โดยบริษัทมีชื่อเสียงที่ดีในตลาดโดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าภาครัฐหลายแห่งจากการมีประวัติผลงานในโครงการจำนวนมากที่สำเร็จลุล่วง บริษัทยังเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับให้กับผู้ผลิตและจำหน่ายระดับโลกมาเป็นเวลานาน

บริษัทมีคณะผู้บริหารและพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ โดยพนักงานของบริษัทผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดีและมีความสามารถในการให้บริการและจำหน่ายสินค้าในหลากหลายอุตสาหกรรมอย่างมีคุณภาพในระดับสูง นอกจากนี้ การมีความชำนาญทางเทคนิคในระดับสูงของพนักงานยังช่วยสร้างนวัตกรรมหรือเพิ่มโอกาสในธุรกิจใหม่ ๆ ให้แก่บริษัทอีกด้วย ทั้งนี้ จุดแข็งดังกล่าวช่วยให้บริษัทสามารถชนะการประมูลงานภาครัฐได้อยู่เสมอ

ยังคงมีอัตราการทำกำไรในระดับค่อนข้างต่ำ

จากสถิติในอดีต บริษัทมีอัตราการทำกำไรจากการดำเนินงานที่ประมาณ 1%-2% โดยอัตราการทำกำไรที่ต่ำเนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการขายและบริหารอยู่ในระดับสูงโดยเฉพาะค่าใช้จ่ายพนักงาน นอกจากนี้ ส่วนใหญ่งานโครงการของหน่วยงานภาครัฐจะมีอัตรากำไรค่อนข้างต่ำเนื่องจากโครงการของภาครัฐส่วนใหญ่จะต้องมีการประมูลแข่งขันกันซึ่งมีการแข่งขันที่รุนแรง ทั้งนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน บริษัทยังมีแผนจะยกเลิกบางธุรกิจที่ไม่ทำกำไรด้วย อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของความพยายามในการปรับโครงสร้างธุรกิจยังต้องติดตามต่อไป

กระแสเงินสดส่วนใหญ่มาจากเงินปันผลของบริษัทร่วม

ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมคิดเป็นส่วนใหญ่ของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย บริษัทร่วมหลักเกิดจากความร่วมมือระหว่างบริษัทกับ บริษัท บีพี จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทน้ำมันและก๊าซที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ บริษัท บลูสโคปสตีล จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กชั้นแนวหน้าซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย ทั้งนี้ เงินปันผลเป็นแหล่งกระแสเงินสดที่แน่นอนและสม่ำเสมอของบริษัทเนื่องจากบริษัทร่วมมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งและมีผลประกอบการทางการเงินที่ดี ในช่วง 3 ปีช้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าเงินปันผลรับจากบริษัทร่วมจะอยู่ระหว่าง 400 ล้านบาทถึง 600 ล้านบาท

คาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนจะลดลงเล็กน้อย

ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากหนี้ส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นเงินกู้สินเชื่อโครงการ ภาระหนี้จึงมักเพิ่มขึ้นเมื่อบริษัทได้รับงานโครงการใหม่ ๆ จากการทำสัญญา ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2561 ภาระหนี้ของบริษัทอยู่ที่ระดับ 3,936 ล้านบาท ส่วนอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนนั้นอยู่ที่ระดับ 39.3% ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นที่ระดับประมาณ 34% ในปี 2563

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

สภาพคล่องของบริษัทอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดย ณ เดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีแหล่งเงินทุนประกอบด้วยเงินสดจำนวน 971 ล้านบาทและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 110 ล้านบาท ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะมีเงินทุนจากการดำเนินงาน 400 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า และบริษัทมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อีกประมาณ 2,977 ล้านบาท เมื่อรวมสภาพคล่องทั้งหมดของบริษัทแล้วคาดว่าจะเพียงพอสำหรับการชำระคืนหนี้ และการลงทุนของบริษัทใน 12 เดือนข้างหน้า โดยบริษัทมีภาระในการชำระหนี้ระยะยาวจำนวนประมาณ 66 ล้านบาทในช่วง 12 เดือนข้างหน้า ทั้งนี้ ณ เดือนมิถุนายน 2561 บริษัทมีเงินกู้ยืมระยะสั้นจำนวน 1,921 ล้านบาท และงบลงทุนจำนวนประมาณ 200 ล้านบาทในปี 2561

ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะสามารถปฏิบัติให้เป็นไปตามเงื่อนไขของหุ้นกู้ได้ในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2560 อยู่ที่ 0.8 เท่า ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำกว่าเงื่อนไขของหุ้นกู้ที่กำหนดไว้ที่ 2.5 เท่า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาสถานะการแข่งขันในการประมูลงานและสร้างรายได้จากงานโครงการได้ในระดับที่สม่ำเสมอ นอกจากนี้ บริษัทน่าจะยังคงได้รับประโยชน์จากการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและได้รับผลตอบแทนจากบริษัทร่วมที่สร้างกำไรด้วย ภายใต้สมมติฐานพื้นฐานของ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 14,000 ล้านบาทถึง 16,000 ในระหว่างปี 2561-2563 ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ระหว่าง 12%-16% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายจะอยู่ที่ประมาณ 4 เท่า

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจปรับขึ้นหากบริษัทสามารถปรับปรุงอัตราการทำกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญและสม่ำเสมอและหากการลงทุนของบริษัทได้รับผลตอบแทนอย่างมาก ในทางตรงกันข้าม การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากรายได้ของบริษัทปรับลดลงอย่างมาก รวมทั้งอัตราการทำกำไรของบริษัทปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หรือเงินปันผลรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ