นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานค้าหลักทรัพย์บุคคล บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า โดยเฉพาะตลาดในแถบเอเชียเหนือ ทั้งนี้รับผลกระทบจาก Sentiment ตลาดสหรัฐฯที่ร่วงแรง อันเป็นผลจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวลงแรงหลังจากที่ Valuation อยู่ในโซนที่แพงมาก อีกทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ (Bond Yield) ก็สูงขึ้น ซึ่งคงจะสะท้อนเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ย ที่จะปรับตัวขึ้น
ส่วนตลาดบ้านเราอยู่ในช่วงของการรอดูการประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 3/61 ขณะที่ประเด็นต่างประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ Valuation ของตลาดบ้านเราไม่ได้มี Discount มาก แต่เชื่อว่าตลาดบ้านเราคงจะไม่ปรับตัวลงเร็วมากเหมือนตลาดอื่นในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนคงให้น้ำหนักปัจจัยในประเทศมากกว่า จากที่ภาพเศรษฐกิจไทยค่อนข้างดี หนี้ของภาครัฐ และหนี้ของภาคเอกชนก็ไม่ได้สูงมาก ทำให้ตลาดบ้านเราน่าจะแข็งแกร่งกว่า
พร้อมให้แนวรับ 1,700 จุด ส่วนแนวต้าน 1,721 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,598.74 จุด ดิ่งลง 831.83 จุด (-3.15%) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,785.68 จุด ลดลง 94.66 จุด (-3.29%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,422.05 จุด ร่วงลง 315.97 จุด (-4.08%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 462.67 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 82.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 800.17 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 194.79 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 52.45 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 56.71 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 35.42 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 66.38 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ต.ค.61) 1,721.82 จุด เพิ่มขึ้น 24.90 จุด (+1.47%) มูลค่า
- นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,847.25 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ต.ค.61
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ต.ค.61) ปิดที่ 73.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.79 ดอลลาร์ หรือ 2.4%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ต.ค.61) ที่ 5.36 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 33.02 อ่อนค่าตามภูมิภาค กังวลตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ มองกรอบวันนี้ 32.90-33.05
- ไอเอ็มเอฟเตือนความเสี่ยง ต่อระบบการเงินโลกเพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนหลัง เนื่องจากตลาดเกิดใหม่บางประเทศกำลังมีปัญหา และความตึงเครียดจากสงครามการค้ายังดำรงอยู่ ต่อเนื่อง "คริสติน ลาการ์ด"แนะผู้นำโลกจำเป็น ต้องแก้ไขระบบการค้าโลกแทนที่จะพยายามทำลาย
- ครม.อนุมัติร่าง พ.ร.บ.กำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน ตั้งคณะกรรมการสำนักงานดูแลปล่อยสินเชื่อลีสซิ่ง จำนำทะเบียนรถ คาร์ฟอร์แคช แฟคตอริ่ง กำหนดผู้ประกอบการ จดทะเบียนใน 120 วันหลังกฎหมายบังคับใช้ วางโทษทางปกครอง ปรับ-อาญา ธปท.แนะรวม ธุรกิจโฮมฟอร์แคชไว้ในร่าง กม.ด้วยเพื่อให้ดูแล การปล่อยกู้ได้ทั้งระบบ
- ผู้ประกอบการอสังหาฯ ถก"แบงก์ชาติ"วันนี้ เสนอลดเงินดาวน์ จาก 20% เหลือ 11-15% หวั่นช็อกตลาด อสังหาฯ ป้องคนทิ้งเงินดาวน์ ด้านสมาคมสินเชื่อที่อยู่อาศัย ชี้เกณฑ์อยู่ในระดับ เหมาะสมไม่หย่อนเกินไป เชื่ออนาคตอาจเข้มขึ้นได้ขณะ"กสิกรไทย"ยันไร้ปัญหาเหตุระวังปล่อยกู้บ้านหลังสองอยู่แล้ว
- สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เสนอแผนตั้งกองทุนใหม่แทน "แอลทีเอฟ" ที่จะหมดอายุในปลายปีหน้า เน้นให้สิทธิประโยชน์กลุ่มคนรายได้ปานกลางถึงน้อย หวังส่งเสริมการออมระยะยาว พร้อมกาง 8 แผนงานปีหน้า ยกระดับตลาดหุ้นไทย
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ 3 ปัจจัยดอกเบี้ยเฟด น้ำมัน ค่าเงินในภูมิภาค แรงกดดันบาทอ่อน ช่วงปลายปีนี้อยู่ที่ 33 บาท/ดอลลาร์
- ครม.เห็นชอบยกเว้นเก็บค่าอากรแสตมป์สำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการขายทอดตลาดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างและห้องชุดเพื่อใช้อยู่อาศัย สำหรับโครงการประชารัฐสวัสดิการของกรมบังคับคดี หวังช่วยบรรเทาภาระผู้มีรายได้น้อย เพิ่มช่องทางมีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง
*หุ้นเด่นวันนี้
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 30 บาท คาดกำไร Q3/61 โต 30% Q-Q และ 10% Y-Y อยู่ที่ 2,651 ลบ. จากโรคระบาดที่ลากยาว และการควบคุมต้นทุนที่ดี ส่วนการเติบโตระยะยาวจะได้แรงหนุนจากสาขาที่กระจายทั่วประเทศ และ Center of Excellent ที่จะช่วยยกระดับอัตรากำไร โดยคาดกำไรปกติปี 2561-2563 โตเฉลี่ย 16% ต่อปี ด้านราคาหุ้น laggard กลุ่มอยู่ 4% และ SET50 อยู่ 5% ความเสี่ยงขาลงจึงจำกัด
- BTS (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 10.5 บาท รับข่าวดี กทม.เตรียมเสนอครม.ต่ออายุสัมปทานให้ BTS อีก 10 ปี จากเดิมที่สัญญาจะหมดอายุในปี 2572 การันตีรายได้และผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- IRPC (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 7.50 บาท ประมาณการกำไรสุทธิ IRPC ใน Q3/61 อยู่ที่ 2,869 ล้านบาท -12% YoY และ -29% QoQ จาก (1) ประเมินปริมาณการกลั่นลดลงจากการปิดซ่อมบำรุง (2) Market GRMปรับตัวดีขึ้นจาก Crude Premium ที่ลดลง (3) กลุ่มโอเลฟินส์คาดว่าจะอ่อนตัวตามราคาปิโตรเคมีที่อ่อนตัว (4) กำไรจากสต๊อกน้ำมันประมาณ 1,423 ล้านบาท ส่วนราคาหุ้นปัจจุบันยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 4%