นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JKN) เปิดดเผยว่า ได้บรรลุข้อตกลงเจรจาขายหุ้นที่ถือในนามส่วนตัวให้แก่ รศ.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ เจ้าของและผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ.บางกอก เชน ฮอสปิทอล (BCH) หรือ กลุ่มโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ เนื่องจาก นพ.เฉลิม มีความประสงค์เข้ามาลงทุนใน JKN ในนามส่วนตัวเพื่อถือหุ้นในระยะยาว
นายจักรพงษ์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วก็ให้ความเคารพนับถือ รศ.นพ.เฉลิม เป็นเหมือนอาจารย์ จึงได้ตัดสินใจขายหุ้นผ่านการทำรายการ Big lot จำนวน 4 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 13.30 บาท หรือคิดเป็นมูลค่า 53.20 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ต.ค.61 ซึ่งเป็นการขายครั้งแรกนับตั้งแต่ที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
สำหรับการขายหุ้น Big lot ดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการบริหารและแผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจ ที่ JKN มีเป้าหมายต้องการขยายธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ไปยังภูมิภาคอาเซียน ผ่านคอนเทนต์ประเภทซีรี่ส์อินเดียและซีรี่ส์ฟิลิปปินส์ ที่เป็นคอนเทนต์หัวหอกในการขยายตลาด ขณะเดียวกันยังนำลิขสิทธิ์คอนเทนต์ของไทยไปรุกตลาดต่างประเทศอีกด้วย ส่งผลดีต่อบริษัทที่ต้องการสร้างการเติบโตในระดับ 20-25% ตามเป้าหมายของปี 61 ได้ตามแผนที่วางไว้
"โดยปกติส่วนตัวแล้วไม่ชอบขายหุ้นให้ใคร แต่การตัดสินใจขายหุ้นให้แก่คุณหมอครั้งนี้ เพราะนับถือท่านเป็นอาจารย์ และตัวคุณหมอเองก็มีความประทับใจในความรู้ความสามารถของเราที่สามารถผลักดันธุรกิจเติบโตได้จนถึงทุกวันนี้ จึงติดต่อขอเข้ามาลงทุนถือหุ้น JKN ในระยะยาว เพราะเชื่อมั่นว่า JKN ยังมีศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจได้อีกมาก"นายจักรพงษ์ กล่าว
รศ.นพ.เฉลิม กล่าวว่า การตัดสินใจเข้าลงทุนซื้อหุ้น JKN ในครั้งนี้ เนื่องจากต้องการลงทุนระยะยาวใน JKN ซึ่งถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน เนื่องจาก Content ถือเป็นสินค้าต้นน้ำของสื่อที่ต่างต้องการนำไปใช้เผยแพร่ออกอากาศผ่านได้ทุกแพลตฟอร์ม ทั้งจากสื่อเดิม เช่น ทีวีดิจิทัล และสื่อใหม่ๆ ทางออนไลน์ที่เข้าถึงกลุ่มผู้ชมคนดูไปยังฐานผู้ชมในภูมิภาคอาเซียนที่มีกว่า 660 ล้านคน ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ JKN ได้อีกมาก
นอกจากนี้ ทางคณะผู้บริหารของ JKN เป็นนักธุรกิจที่มีความรู้ความสามารถและเป็นนักวางแผนที่มีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจชัดเจน ในการสร้างมูลค่าเพิ่มจากลิขสิทธิ์คอนเทนต์เพื่อนำองค์กรก้าวสู่ผู้นำในภูมิภาคอาเซียน
"การที่ผมตัดสินใจเลือกเข้ามาลงทุนซื้อหุ้น JKN ในนามส่วนตัวครั้งนี้เพราะมีความมั่นใจในคณะผู้บริหารและลักษณะธุรกิจลิขสิทธิ์คอนเทนต์ ที่ถือเป็นธุรกิจต้นน้ำ ไม่ว่าเทคโนโลยีหรือช่องทางการเผยแพร่จะเปลี่ยนแปลงอย่างไร แต่หัวใจสำคัญคือยังต้องการ Content นำไปออกอากาศ ดังนั้นการที่ JKN มีลิขสิทธิ์คอนเทนต์ที่หลากหลายและเป็นแบบเอ็กคลูซีฟอยู่ในมือเป็นจำนวนมากทำให้มีความได้เปรียบ ในการนำไปทรัพย์สินดังกล่าวไปต่อยอดสร้างรายได้จากการขยายตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน" รศ.ดร.นพ.เฉลิม กล่าว