ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก:ดาวโจนส์ปิดบวก 12.76 จุดก่อนสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday January 4, 2008 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) อย่างไรก็ตาม ดัชนีเคลื่อนตัวในช่วงแคบๆเนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.ในวันศุกร์ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกปกคลุมด้วยความวิกกังวลเรื่องเงินเฟ้อหลังจากราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 12.76 จุด หรือ 0.10% แตะระดับ 13,056.72 จุด ดัชนี S&P 500 ปิดทรงตัวที่ 1,447.16 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 6.95 จุด หรือ 0.27% สู่ระดับ 2,602.68 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 3.30 พันล้านหุ้น ลดลงจากวันพุธที่ 3.32 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 8 ต่อ 7
เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง แต่เมื่อคืนนี้ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 40,000 อัตราในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์ดาวโจนส์ นิวส์ไวร์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 30,000 อัตรา
นอกจากนี้ ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานที่ระบุว่า จำนวนชาวสหรัฐที่ขอรับสวัสดิการในระหว่างว่างงานปรับตัวลดลง ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันศุกร์ (ตามเวลาประเทศไทย) เพื่อดูว่าตลาดแรงงานของสหรัฐในปีพ.ศ.2551 จะยังแข็งแกร่งเหมือนกับปีที่แล้วหรือไม่ และข้อมูลดังกล่าวยังสะท้อนถึงตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคด้วย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 100.09 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขน้ำมันดิบสำรองที่ลดลงเกินคาด
นายนิโคลาส เรช นักวิเคราะห์จากบริษัทเนชั่นแนล ซิตี้ ไพรเวท ไคลเอนท์ กรุ๊ป ในเมืองคลีฟแลนด์ มลรัฐโอไฮโอ กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงทำให้เกิดความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ และทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกหรือไม่ สถานการณ์เหล่านี้อาจทำให้สหรัฐตกอยู่ในความเสี่ยงครั้งใหญ่หลวงในปีพ.ศ.2551"
"ตลาดแทบจะไม่ได้ปัจจัยบวกอย่างแท้จริงจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานทำให้ตลาดกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังเคลื่อนตัวในลักษณะไซด์เวย์" นางลินดา ดูสเซล นักวิเคราะห์จากบริษัทเฟดเดอเรทเต็ด อินเวสเตอร์ส์ ในเมืองพิทซ์เบิร์กกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ปิดร่วงลง 2.3% หลังจากฟอร์ดระบุว่า บริษัททาทา มอเตอร์สของอินเดีย เจรจาขอซื้อแบรนด์รถยนต์ "จากัวร์" และ "แลนด์ โรเวอร์" ซึ่งในขณะนี้ยังคงอยู่ในขั้นตอนการเจรจา นอกจากนี้ ราคาหุ้นฟอร์ดยังร่วงลงหลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเดือนธ.ค.ในสหรัฐปรับตัวลดลง
หุ้นมอนซานโต ดีดขึ้น 8.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่า เนื่องจากการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งในละตินอเมริกา นอกจากนี้ บริษัทยังปรับเพิ่มคาดการณ์ตัวเลขกำไรตลอดปีพ.ศ.2550
ส่วนหุ้นสเตท สตรีท ปรับตัวขึ้น 8.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่านายวิลเลียม ฮันท์ ลาออกจากตำแหน่งประธานและซีอีโอของสเตท สตรีท โกลบอล แอดไวซอรีส์

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ