ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (3 ม.ค.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนให้คึกคักขึ้นด้วย
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 62.7 จุด หรือ 0.98% แตะระดับ 6,479.4 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในกรอบ 6,394.6-6,487.8 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 1.966 พันล้านหุ้น
ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 40,000 อัตราในเดือนธ.ค. ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 30,000 อัตรา
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มน้ำมันทะยานขึ้น และเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนดัชนี FTSE 100 ดีดตัวปิดในแดนบวก หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อคืนนี้
โดยหุ้นทุลโลว์ ออยล์ ดีดขึ้น 36 เพนซ์ ปิดที่ 681 เพนซ์ หุ้นบีพีเพิ่มขึ้น 19 เพนซ์ ปิดที่ 635.5 เดนซ์ หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้น 55 เพนซ์ ปิดที่ 2,152 เพนซ์ และหุ้นพรีเมียร์ ออยล์ พุ่งขึ้น 62 เพนซ์ ปิดที่ 1,370 เพนซ์
ส่วนหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 61 เพนซ์ ปิดที่ 1,597 เพนซ์ หุ้นเอ็กซ์สตราต้าทะยานขึ้น 110 เพนซ์ ปิดที่ 3,575 เพนซ์ และหุ้นเวแดต้า รีซอสเซส พุ่งขึ้น 88 เพนซ์ ปิดที่ 2,165 เพนซ์
หุ้นบีเออี ซิสเต็มส์ ปรับตัวขึ้น 7.5 เพนซ์ ปิดที่ 497 เพนซ์ หลังจากสายการบินแอร์ แอสทานา ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติของคาซัคสถาน และเป็นสายการบินร่วมทุนระหว่างบีเออี ซิสเต็มส์และรัฐบาลคาซัคสถาน สั่งซื้อเครื่องบินรุ่น A320 จำนวน 6 ลำ จากบริษัทแอร์บัส และเครื่องบินรุ่น 787-788s จากบริษัทโบอิ้ง
อย่างไรก็ตาม หุ้นดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ ร่วงลง 27.27% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่ากำไรหลังหักภาษีในปีพ.ศ.2550 จะอยู่ที่ระดับ 40-50 ล้านปอนด์ ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--