นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร กรรมการผู้จัดการ บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกในวันที่ 18 ต.ค.61 หลังจากปิดการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 194,444,000 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 28% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อยที่ให้ความมั่นใจในพื้นฐานธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตในอนาคต โดยบริษัทฯ จะนำเงินจากการระดมทุนไปชำระเงินกู้ยืมที่ใช้สำหรับขยายโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วแห่งใหม่ในจังหวัดราชบุรีและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
ทั้งนี้ BGC เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในประเทศไทย โดยมีโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วที่จังหวัดปทุมธานี ขอนแก่น ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา และจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วและเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรีในเดือนพฤศจิกายน ส่งผลให้มีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มขึ้นอีก 400 ตันต่อวัน รวมเป็น 3,495 ตันต่อวัน เพื่อรองรับการขยายตลาดในประเทศและส่งออก เช่น ทวีปเอเชีย ทวีปยุโรป และการผลิตสินค้าที่หลากหลาย นอกจากนี้โรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรียังสามารถขยายจำนวนเตาหลอมแก้วได้อีกในอนาคตเพื่อตอบสนองความต้องการใช้สินค้าที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 6 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.61) มีกำไรสุทธิ 270.1 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 121.7 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 122% สาเหตุหลักมาจากต้นทุนคงที่ปรับลดลงจากการย้ายฐานการผลิตจากโรงงานระยองที่ปิดตัว ไปยังเตาที่มีประสิทธิภาพการดำเนินงานเพิ่มขึ้นและการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
"บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะก้าวเป็นผู้นำการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แก้วและบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณภาพในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ โรงงานผลิต แห่งใหม่ที่จังหวัดราชบุรีจะช่วยตอบโจทย์ในการขยายการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ ในอนาคต โดยมองว่าโรงงานผลิตที่จังหวัดราชบุรีตั้งอยู่ในยุทธศาตร์ที่สำคัญ รวมทั้งมีกระบวนการผลิตที่ยืดหยุ่นซึ่งจะช่วยในการขยายลูกค้าและตลาดใหม่ของบริษัทฯ" นายศิลปรัตน์ กล่าว
นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล รองกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน กล่าวว่า BGC เป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่มีกำลังการผลิตมากที่สุดในประเทศไทย จึงมีความได้เปรียบด้านการควบคุมต้นทุนการผลิตต่อหน่วยให้อยู่ในระดับที่แข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังมีโรงงานที่กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัด ส่งผลดีการบริหารต้นทุนโลจิสติกส์และการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบที่มีต้นทุนที่เหมาะสม
"ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์แก้วเป็นสินค้าที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย และคาดว่าจะมีความต้องการใช้สินค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำมารีไซเคิลใช้ใหม่ได้ 100% และซัพพลายในตลาดยังมีจำกัดเนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย" นายพงศ์ศักดิ์ กล่าว