AKR คาดปี 51 ทำรายได้เพิ่มเป็น 4 พันลบ./สรุปพันธมิตร"โซล่าร์"ปลายม.ค.

          นาย เกียรติพงศ์ น้อยใจบุย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บมจ.เอกรัฐ วิศวกรรม (AKR) คาดว่าปี 51 มีรายได้ 4 พันล้านบาท เพิ่มจากปี 50 ที่มีรายได้ประมาณ  2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทจะมีรายได้จากแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ในปี 51 ประมาณ 2 พันล้านบาท จาก 200-300 ล้านบาท ในปี 50 
          ทั้งนี้ บริษัทได้ลงทุนผลิตแผงเซลล์แสงอาทิตย์ จำนวน 1.4 พันล้านบาท ส่วนปี 51 จะลงทนเพิ่มอีกเพียง 20 ล้านบาท ในการซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม หลังจากที่การลงทุนขนาดใหญ่ได้เสร็จสิ้น ทั้งนี้ มีกำลังการทั้งหมด 25 เมกะวัตต์ โดยบริษัท เอกรัฐ โซล่าร์ จำกัด เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนม.ค.51 หลังทดลองการผลิต ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา โดยปีนี้จะผลิตได้ 15 เมกะวัตต์ และจะผลิตเต็มกำลังการผลิตในปี 52 
          "ธุรกิจโซล่าร์บริษัทส่งออกถึง 99% เพราะประเทศในแถบยุโรปสนับสนุนให้มีการติดตั้งแผงโซล่าร์เซลล์ และราคารับซื้อไฟฟ้าก็ให้สูงกว่าประเทศไทย และเราอยู่ระหว่างเจรจาหาลูกค้าเพิ่มอีก ทั้งจากอเมริกา เยอรมัน"นายเกียรติพงศ์ กลาว
*ดัน"เอกรัฐ โซล่าร์"เข้าตลาด mai ปี 52 หลังทำกำไร-สรุปขายหุ้นให้พันธมิตร
          นายเกียรติพงศ์ คาดว่าจะนำบริษัท เอกรัฐ โซล่าร์ จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาด mai ในปี 52  โดยเชื่อว่าบริษัทจะเริ่มมีกำไรในปี 51 โดยปัจจุบัน เอกรัฐ โซล่าร์ มีภาระดอกเบี้ยจ่ายปีละ 80 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจากนี้ไปจะมีกำไรเพียงพอต่อการชำระดอกเบี้ยจ่าย
          ขณะเดียวกัน คาดว่าในปลายม.ค.51 จะได้ข้อสรุปการเจรจาหาพันธมิตรเข้าถือหุ้นเอกรัฐ โซล่าร์ ในสัดส่วนไม่เกิน 49% โดยคาดว่าพันธมิตรที่จะเข้าหุ้นมาจาก 2 ส่วน ได้แก่  กองทุน และ บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญพร้อมให้ความช่วยเหลือด้านการผลิต 
          "เราอยู่ระหว่างเจรจา แล้วแต่ว่าใครจะให้ราคาดี โดยจะตั้งขายในราคา 1.50-2.00 บาทต่อหุ้น และคิดว่าจะได้เงินมา 600-700 ล้านบาท เพื่อมาชำระหนี้ประมาณ 500 ล้านบาทจากที่หนี้ทั้งหมดประมาณ 1 พันล้านบาท ก็จะทำให้บริษัทไม่ต้องพะวงเรื่องหนี้สิน จะได้บริหารงานได้คล่องตัว " นายเกียรติพงศ์ กล่าว 
          ทั้งนี้ บริษัทจะออกหุ้นเพิ่มทุนใหม่ให้กับพันธมิตรประมาณ 500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และจะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็นประมาณ 900 กว่าล้านบาท โดยปัจจุบัน AKR ถือหุ้นเอกรัฐ โซล่าร์ 100% 
          นายเกียรติพงศ์ กล่าวว่า แม้จะลดสัดส่วนถือหุ้นเหลือไม่ต่ำกว่า 50%  แต่ AKR จะยังคงอำนาจบริหาร และเชื่อว่าตลาดโซล่าร์เซลล์ยังมีอัตราเติบโตสูง รวมทั้งเชื่อว่าแผนการนำหุ้น เอกรัฐ โซล่าร์ เข้าจดทะเบียนในตลาด mai เป็นแรงจูงใจในการดึงพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนด้วย