บมจ.สยามสตีล อินเตอร์เนชั่นแนล (SIAM) ระบุว่า เข้าลงทุนของกองทุน LIBERTY SQUARE OFFSHORE PARTNERS,L.P.สัดส่วน 7.58% ไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงาน แต่น่าจะเป็นการเข้าซื้อเพราะเห็นศักยภาพและแนวโน้มการเติบโตในอนาคตของบริษัท คาดอาจเป็นการเข้าซื้อจากธนาคารเจ้าหนี้ทั้งในและต่างประเทศ หรืออาจเป็นรายย่อย ข้องใจเหตุใดยอมซื้อแพงกว่าราคาในกระดานมาก ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนายพงษ์ศักดิ์ พงษ์พันธ์เดชา และ กลุ่มตระกูล คุณานันทกุล ยังคงกอดหุ้นไว้ฝ่ายละ 30%
"การเข้ามาซื้อหุ้นของกองทุน LIBERTY SQUARE ไม่ได้มีการพูดคุยกับทางบริษัทด้วย คงมองเห็น Potential ของบริษัทว่ามีโอกาสเติบโตในอนาคต ซึ่งทางบริษัทเองก็มั่นใจเช่นนั้น อาจจะมีการเจรจาซื้อกับเจ้าหนี้รายเดิม" นางนภาพร หุณฑนะเสวี กรรมการ SIAM เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"
เช้านี้ สำนักงานก.ล.ต.ได้รับรายงานการได้มา หุ้น SIAM โดย LIBERTY SQUARE OFFSHORE PARTNERS, L.P.ซึ่งเป็นการได้มาเมื่อวันที่ 2 ม.ค.51 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มาคิดเป็น 7.58% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มาคิดเป็น 7.58% ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 5.38 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาบนกระดาน
"กองทุนเข้ามาซื้อที่ราคา 5.38 บาท/หุ้น สูงกว่าราคาในกระดานที่ 4 บาทกว่า ยังสงสัยอยู่ เพราะวันที่ 2 ม.ค.ราคาปิดไปที่ 4 บาทกว่าและวอลุ่มก็ไม่มีด้วย อาจจะเป็นการไปซื้อกันเองเป็นการรายพิเศษและมาแจ้งให้สำนักงานก.ล.ต.ทราบ" นางนภาพร กล่าว
นางนภาพร กล่าวว่า กลุ่มเจ้าหนี้รายเดิมมีหุ้น SIAM อยู่ประมาณ 10% กว่า โดยเป็นธนาคารทั้งในและต่างประเทศที่เป็นเจ้าหนี้รายเดิมและมีการแปลงหนี้เป็นหุ้นไปแล้ว ปัจจุบันนายพงษ์ศักดิ์ พงษ์พันธ์เดชา ยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สัดส่วน 30% และกลุ่มตระกูลคุณานันทกุลถือหุ้นในสัดส่วนกว่า 30% โดย 2 กลุ่มนี้ถือรวมกันประมาณ 60% กว่าแล้ว ที่เหลือเป็นของรายย่อย
"กองทุนที่ซื้อน่าจะซื้อจากรายย่อยหรือเจ้าหนี้รายเดิมที่มีหุ้นอยู่บ้างเพราะถ้าไปไล่ซื้อจากรายย่อยอาจจะซื้อยาก และเท่าที่ดูวันที่ 2 ม.ค.51 ราคาปิดก็ประมาณ 4 บาทกว่า ไม่มีวอลุ่มมาก อาจจะเข้าไปซื้อในกระดานอะไรพิเศษต่างหาก โดยเจ้าหนี้รายเดิมถืออยู่ไม่มากแล้ว"นางนภาพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม การถือหุ้นของกองทุนดังกล่าวไม่มีนัยสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงการบริหาร
"ทางผู้ซื้อต้องเป็นผู้แจ้งถ้าตอนนี้ถือ 7.58% แล้ว ผู้ซื้อต้องแจ้งให้สำนักงานก.ล.ต.ทราบ แต่ไม่ได้มาซื้อกับเรา อาจจะไปซื้อกับผู้ถือหุ้นรายอื่น เพราะผู้ถือหุ้นเดิมของเรายังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง และบริษัทไม่ได้เข้าไปดูแลหุ้น เราปล่อยให้เป็นไปตามข้อมูล" นางนภาพร กล่าว
ปิดเที่ยง หุ้น SIAM บวก 8.70% อยู่ที่ 4.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.36 บาท โดยเปิดตลาดที่ 4.18 บาท ราคาปรับขึ้นสูงสุดที่ 4.60 บาท และราคาปรับลงต่ำสุดที่ 4.18 บาท
**เตรียมยื่นประมูลงาน มูลค่ากว่า 600 ลบ.
นางนภาพร คาดรายได้งวดปี 51(ก.ค.50-มิ.ย.51) เป็นไปตามเป้าที่ 2.2 พันล้านบาท โดยบริษัทยังมีแผนที่จะยื่นประมูลงานใหม่ทั้งในและต่างประเทศ
ขณะเดียวกันบริษัทกำลังเตรียมยื่นประมูลงานตกแต่งภายในของศูนย์ราชการจำนวน 3 สัญญา มูลค่าประมาณ 600 กว่าล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในงวดปี 52 โดยจะยื่นซองประมูลในวันที่ 11 ม.ค.51 จะประมูลทีละสัญญาแต่ละสัญญามูลค่าไม่เท่ากัน แต่จะยื่นทั้ง 3 สัญญา คาดว่าจะรู้ผลอีกประมาณ 2 เดือนข้างหน้า
"หลังเลือกตั้งยังไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลงเรื่องเศรษฐกิจก็ยังเหมือนเดิมสำหรับเรา ต้องดูว่ารัฐบาลจะเปิดประมูลอะไรบ้างเราพร้อมก็จะยื่นไป" นางนภาพรกล่าว
สำหรับงานต่างประเทศ ขณะนี้มีงานของประเทศออสเตรเลียที่ได้รับทำตู้เอนกประสงค์สำเร็จรูปมาแล้วประมาณ 50 กว่าล้านบาท เป็นล็อตแรกและคงต้องดูล็อตต่อๆไป เริ่มการผลิตแล้วและจะส่งมอบได้ทั้งหมดประมาณปลายเดือนก.พ.51 และ คาดว่าจะรับรู้รายได้ในไตรมาส 3/51 (เดือนม.ค.-มี.ค.51) ทั้งหมด
ส่วนงานที่อินโดนีเซียยังไม่มีเพิ่ม ตอนนี้กำลังจะส่งมอบงานของเก่าให้เสร็จสิ้น
"ที่ออสเตรเลียยังมีการเจรจาล็อตอื่นอยู่ แต่ยังไม่ชัดเจน ถ้าได้มาก็จะผลิตและส่งมอบทันที เพราะไม่ต้องทยอยส่งมอบแบบอินโดฯ เพราะที่ออสเตรเลียเราขายเป็น set ถึงเวลาให้จะให้เป็นมูลค่าไม่ใช่เป็นจำนวนตู้"นายนภาพร กล่าว
นางนภาพร กล่าวว่า บริษัทไม่จำเป็นต้องมีพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพราะคิดว่าตอนนี้ตัวเราเองและเทคโนโลยีที่ได้จากญี่ปุ่นน่าจะเพียงพอและเวลาที่เรารับงานจากที่ไหนก็จะรับงานร่วมกับลูกค้าอยู่แล้ว เช่น รับงานจากออสเตรเลีย ลูกค้าก็จะเข้ามาอยู่ในโรงงานเราและร่วมงานกันปกติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม รายได้ในงวดปี 52 (สิ้นสุด มิ.ย.52)ยังคาดการณ์ลำบาก เพราะเศรษฐกิจนิ่งมาก บริษัทพยายามดูว่าจะงานไหนที่ได้เป็นกอบเป็นกำ โดยจะเน้นงานในประเทศมากขึ้น แต่งานในต่างประเทศก็ไม่ได้ทิ้ง ต้องมุ่งทั้ง 2 ทาง
นางนภาพร กล่าวว่า ในอดีตอาจจะเข้าประมูลงานราชการน้อยแต่ช่วงหลังๆ จะเข้าประมูลงานราชการมากขึ้นเพราะเงินในภาคเอกชนไม่ค่อยมีงานมูลค่าใหญ่ๆ คงจะหันมาจับงานภาคราชการมากกว่า เพราะมีมูลค่างานสูง
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--