SONIC มั่นใจรายได้ปีนี้ทะลุ 1 พันลบ.วางเป้าปี 62 โต 20% หลังนำเงิน IPO ขยายธุรกิจต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 19, 2018 12:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสันติสุข โฆษิอาภานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะทะลุ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 5-10% จากปี 60 ที่มีรายได้อยู่ที่ 964.30 ล้านบาท และในครึ่งแรกปีนี้บริษัทสามารถทำรายได้แล้วกว่า 549.22 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของธุรกิจทั้ง 3 ธุรกิจ ได้แก่ การให้บริการขนส่งสินค้าทางทะเล การขนส่งสินค้าทางบก และการขนส่งทางอากาศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากการขนส่งสินค้าทางทะเลอยู่ที่ 67%, การขนส่งสินค้าทางบก 27% และการขนส่งสินค้าทางอากาศและอื่นๆ 6%

ทั้งนี้ในปี 62 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ เนื่องจากธุรกิจการขนส่งทางทะเลยังมีทิศทางที่ขยายตัวต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จะขยายฐานลูกค้าเพิ่มสำหรับการขนส่งทางอากาศ ส่วนการขนส่งทางบก จะซื้อรถหัวลาก และหางลากเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีรถหัวลากประมาณ 70 คัน และหางลากประมาณ 160 คัน ซึ่งจะรองรับความต้องการของลูกค้าได้เพิ่มขึ้น โดยเงินลงทุนดังกล่าวมาจากการระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)

"รายได้ในปี 62 คาดว่าจะโตไม่ต่ำกว่า 20% เพราะว่าเราได้มีการนำเงิน IPO ที่ได้มาไปขยายธุรกิจในทุกๆด้าน โดยใช้ซื้อรถหัวลาก และหางลากเพิ่มอีก เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างเพียงพอ เพราะจริงๆแล้วลูกค้าเรามีเข้ามาตลอด และมีงานมาตลอด แต่ก่อนหน้านี้เราไม่สามารถให้บริการได้เพียงพอ แต่หลังจากนี้เราจะสามารถให้บริการได้มากขึ้น และรับงานจากบริษัทใหญ่ ๆ ได้มากขึ้น และเรายังจะบุกขยายแอร์เฟรทมากขึ้นอีกด้วย"นายสันติสุข กล่าว

สำหรับการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันแรกเป็นวันแรกนั้น บริษัทรู้สึกพอใจ ที่ราคาหุ้น SONIC เปิดการซื้อขายวันแรกยืนเหนือราคาจอง มาอยู่ที่ 2.14 บาท หรือสูงกว่าราคา IPO ที่ 1.95 บาท ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมาย และมองว่าหุ้นของ SONIC เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานที่ดี มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง โดยบริษัทดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองรับความต้องการของลูกค้าและโอกาสการเติบโตจากปัจจัยบวกจากภาคการส่งออกของไทยที่ขยายตัวต่อเนื่อง

เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จำนวน 292.5 ล้านบาท (ยังไม่หักค่าใช้จ่ายการเสนอขาย) บริษัทจะนำไปใช้ซื้อที่ดินและอาคารสาขา จำนวน 60 ล้านบาท รวมถึงใช้ในการซื้อรถขนส่ง เพื่อรองรับการขนส่งทางบกที่จะขยายไปตามโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จำนวน 60 ล้านบาท และใช้พัฒนาศูนย์รวบรวม และกระจายสินค้า จำนวน 60 ล้านบาท ขณะเดียวกันจะใช้พัฒนาระบบเทคโนโลยี จำนวน 20 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท เพื่อใช้เป็นฐานทุนในการดำเนินธุรกิจ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ