โบรกฯเชียร์"ซื้อ"CPALL เป็นหุ้นพื้นฐานดี-กำไรโตต่อเนื่อง-ส่ง MAKRO ลงทุนตปท.หนุนผลตอบแทนดีในระยะยาว

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 19, 2018 13:32 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ซีพี ออลล์ (CPALL) กำไรเติบโตต่อเนื่องจากการขยายการลงทุนทั้ง MAKRO และการขยายสาขาร้าน 7-11 แม้ปีนี้กำไรอาจจะไม่น่าตื่นเต้นเพราะการขึ้นภาษีบุหรี่กดดันอัตรากำไร (มาร์จิ้น) แต่ยอดขายต่อสาขาเดิม (Same Store Sales Growth: SSSG) ก็ยังเติบโตได้ดี

ไตรมาส 3/61 คาดว่ากำไรสุทธิของ CPALL จะอยู่ในช่วง 4,800-4,933 ล้านบาท ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ ตามการเปิดสาขาใหม่ราว 200 สาขา และคาดไตรมาส 4/61 ยังโตต่อเนื่องแต่ไม่โดดเด่น เนื่องจากฐานงวดปีก่อนสูง ประกอบกับ การเปิดสาขา MAKRO ในต่างประเทศทำให้ค่าใช้จ่ายเร่งตัวขึ้น แต่ก็มองว่าจะเป็นผลดีในระยะยาว

สำหรับแคมเปญสยามแสตมป์ของร้าน 7-11 กระตุ้นยอดขายช่วงปลายปีได้ผลในระดับกลาง ขณะที่เทศกาลกินเจสามารถสร้างยอดขายได้ดี ส่วนการเป็น Banking Agent ให้ธนาคารออมสิน และการเป็นตัวแทนคืน VAT ให้นักท่องเที่ยวยังไม่ส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญมากนัก

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากำไรรายไตรมาสจะดูไม่น่าสนใจ แต่กำไรระยะยาวคาดว่าจะเติบโตถึง 15.1% CAGR ในปี 61-63 ขณะที่ราคาหุ้น CPALL ปรับลดลงมาสะท้อนผลประกอบการที่ชะลอตัวลงจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้นแล้ว จนมี upside น่าสนใจ

ราคาหุ้น CPALL ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 65.75 บาท ลดลง 0.75 บาท (-1.13%) ขณะที่ SET -0.85%

          ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ                      89.00
          เอเชีย เวลท์                ซื้อ                      89.00
          ฟิลลิป (ประเทศไทย)          ซื้อ                      87.50
          เคจีไอ (ประเทศไทย)         ซื้อ                      87.00
          ฟินันเซีย ไซรัส               ซื้อ                      82.00
          น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้น CPALL เป็นหุ้นที่เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว เนื่องจากกำไรมีการเติบโตเรื่อย ๆ จากการขยายการลงทุนทั้งในส่วนของบมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) และการขยายสาขาของร้าน 7-11 แม้ว่าปีนี้กำไรของ CPALL จะเติบโตไม่น่าตื่นเต้น เนื่องจากมีเรื่องการเก็บภาษีบุหรี่ทำให้มาร์จิ้นลดลง แต่ถ้ามองแต่ยอดขายต่อสาขาเดิม (SSSG) ก็ยังเติบโตได้ดี
          นอกจากนี้ ปีนี้มีการลงทุน MAKRO ในต่างประเทศด้วย ซึ่งจะมีการเปิดสาขาในอินเดีย และกัมพูชา ในไตรมาส 4/61 แต่ก่อนที่จะเปิดก็ต้องลงทุนก่อน ซึ่งก็มองจุดคุ้มทุนราว 3-4 ปี แต่การลงทุนของ MAKRO ก็เป็นการลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว
          สำหรับร้าน 7-11 ที่ออกโปรแสตมป์ช่วงครึ่งปีหลังในล็อตแรกดูจะอืด ๆ ไม่ตื่นเต้นมาก แต่แสตมป์ล็อตหลังน่าสนใจกว่า ทำให้ยอดขายดีขึ้น และยังมาเจอเทศกาลกินเจ ซึ่งเห็นว่ายอดขายก็ดีด้วย
          ด้าน บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น CPALL ราคาหุ้นปรับลดลงมาสะท้อนผลประกอบการที่ชะลอตัวลงจากค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารที่เพิ่มขึ้นแล้ว จนมี upside น่าสนใจ
          ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิของ CPALL ในไตรมาส 3/61 เท่ากับ 4,933 ล้านบาท (-1% YoY, +3% QoQ) ลดลง YoY แต่เพิ่มขึ้น QoQ หนุนโดยการเปิดสาขาใหม่ประมาณ 200 สาขา พร้อมคาดไตรมาส 4/61 ยังโตต่อเนื่องแต่ไม่โดดเด่น เนื่องจากมีฐานที่สูงอยู่แล้วในไตรมาส 4/60 ประกอบกับ MAKRO เปิดสาขาในต่างประเทศต่อเนื่อง ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขายและกำไรบริษัทเร่งตัวขึ้น
          พร้อมคาดยอดขายต่อสาขาเดิม (Same Store Sales Growth: SSSG) ของร้านสะดวกซื้อ 7-11 ในปี 2561 นี้จะเติบโตในระดับ 3% ลดลงจากเดิมที่คาดว่าจะเติบโตได้ 5%
          สำหรับการเป็น Banking Agent ให้ธนาคารออมสิน และการเป็นตัวแทนคืน VAT ให้นักท่องเที่ยวยังไม่ส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากการเป็น Banking Agent ได้รับค่าธรรมเนียมเฉพาะรายการถอนเงิน โดยบริษัทหวังเพียงเพิ่มจำนวนลูกค้าเข้ามาซื้อสินค้าและใช้บริการอื่นๆ มากขึ้นเป็นหลัก สำหรับการเป็นตัวแทนคืน VAT ให้นักท่องเที่ยวนั้นเป็นการทดลองให้บริการในสาขาที่อยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญเพียง 3 จุดเท่านั้น จึงไม่ส่งผลบวกอย่างมีนัยสำคัญ
          ส่วน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิของ CPALL ใน Q3/61 จะอยู่ที่ 4.8 พันล้านบาท (-3.0% YoY, +0.9% QoQ) เนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝน ความน่าสนใจของแคมเปญสยามแสตมป์อยู่ในระดับกลาง และฐานที่สูงโดยเฉพาะในเดือนกันยายน ซึ่งส่งผลให้ SSSG ของร้านสะดวกซื้อน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2.0% จาก 3.9% ใน Q2/61 ทั้งนี้ ฐานที่สูงใน Q3/60 มาจากการขึ้นภาษีสรรพสามิต
          โดยคาดว่าในไตรมาสนี้จะมีการเปิดสาขาใหม่ประมาณ 120 สาขา คิดเป็น 87% ของเป้าปีนี้ที่ 700 สาขา เมื่อรวมรายได้จากธุรกิจ Cash & Carry (Siam Makro (MAKRO.BK/MAKRO TB)) ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท จะทำให้รายได้ของ CPALL อยู่ที่ 1.24 แสนล้านบาท (+4.7% YoY, flat QoQ)
          อย่างไรก็ดี คาดว่ากำไรของ CPALL จะสูงสุดในไตรมาส 4/61 เนื่องจากมีช่วงวันหยุดยาว และช่วงเทศกาล ถึงแม้ว่ากำไรรายไตรมาสจะดูไม่น่าสนใจ แต่กำไรระยะยาวที่โตถึง 15.1% CAGR ในปี 2561-63 ยังคงน่าสนใจเมื่อเทียบกับกลุ่มที่เติบโตราว 4.7-16.4%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ