ORI เผย 9 เดือนแรกกวาดยอดขายแล้วกว่า 2 หมื่นลบ.มั่นใจทั้งปีเข้าเป้า 2.4 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 19, 2018 16:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) เปิดเผยว่า 9 เดือนแรกของปีบริษัทมียอดขายสะสมทะลุ 20,000 ล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ระดับ 24,000 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทที่สามารถนำเสนอโครงการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบทั้งปีจะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้

ยอดขายที่เติบโตได้ดีในช่วงที่ผ่านมา เป็นผลจากโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ "พาร์ค ออริจิ้น"แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ สามารถสร้างยอดขายได้ทะลุเป้า เริ่มจากโครงการ "พาร์ค ออริจิ้น พญาไท" สามารถกวาดยอดขายไปได้แล้วกว่า 75% หรือมากกว่า 3,500 ล้านบาท หลังจากเปิดขายอย่างเป็นทางการไปช่วงปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน โครงการแฟล็กชิพที่เพิ่งเปิดตัว "พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ" ก็สามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 40% หรือมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยที่ยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ

ในส่วนของโครงการ พาร์ค 24 เฟส 1 มูลค่าโครงการประมาน 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันโอนไปแล้วกว่า 75% และชำระคืนหนี้ธนาคารหมดแล้ว และในส่วนของ เฟส 2 มูลค่าโครงการราว 11,100 ล้านบาทที่สร้างเสร็จและโอนได้ก่อนกำหนด จากแผนเดิมที่จะเสร็จในไตรมาส 4/61 สามารถก่อสร้างได้เสร็จและเริ่มโอนได้ตั้งแต่ มิ.ย.ที่ผ่านมา ปัจจุบันโอนไปแล้วกว่า 20% เหลือคืนหนี้ธนาคารเพียง 2,500 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถโอนเพิ่มและชำระคืนหนี้ได้หมดภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ พาร์ค 24 เฟส 2 ยังคงมี Backlog รอโอนอีกกว่า 4,700 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังมีสภาพคล่อง และกระแสเงินสดหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องเพียงพอกับการพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการซื้อที่ดินเพื่อรองรับแผนการเติบโตของบริษัทในอนาคต

"ปีนี้เป็นปีที่เราขยายธุรกิจคอนโดมิเนียมจนครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ และเริ่มเดินหน้าประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งธุรกิจโครงการแนวราบ ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน เช่น โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ โครงการมิกซ์ยูส ตามวิสัยทัศน์ในการสร้างอาณาจักรออริจิ้น หรือ The Empire of Origin และถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่การดำเนินการสามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมาย สามารถสร้างผลประกอบการที่ยั่งยืนให้แก่บริษัท และเป็นแกนสำคัญที่ช่วยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่ม"นายพีระพงศ์ กล่าว

นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการในการดำเนินงานของบริษัท และมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างหลากหลายในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ จึงทำให้มั่นใจได้ว่าบริษัทสามารถเติบโตไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ