นายวิลเลี่ยม ไฮเน็ค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร (Foodtech) จำนวน 1 พันล้านบาท โดยร่วมมือกับ ดิสรัปท์ เทคโนโนยี เวนเจอร์ส และ 500 TukTuks เพื่อเฟ้นหาผู้พัฒนา Foodtech ที่มีไอเดียน่าสนใจและนำมาต่อยอดกับธุรกิจอาหารของกลุ่มไมเนอร์ โดยเปิดกว้างให้กับสตาร์ทอัพต่างๆ เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจอาหารในกลุ่มไมเนอร์
ประกอบกับ เป็นการปรับตัวของธุรกิจให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เริ่มเข้ามาส่งผลกระทบในธุรกิจอาหารเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในต่างประเทศที่เริ่มเห็นเทคโนโลยีเกี่ยวกับอาหารเริ่มมีบทบาทมากขึ้น ซึ่งบริษัทคาดว่าการหันมาจับมือกับสตาร์ทอัพ Foodtech จะสามารถช่วยผลักดันให้รายได้ของธุรกิจอาหารของบริษัทเติบโตได้มากกว่า 15% ต่อปี
"บริษัทได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมของธุรกิจในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและรวดเร็ว ทำให้บริษัทต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อธุรกิจของบริษัท ทำให้บริษัทต้องจับมือกับนักพัฒนาและดิสรัปท์เทอร์ เพื่อค้นหาแนวทางในการช่วยสร้างการเจริญเติบโต และสานต่อการดำเนินธุรกิจในอีก 50 ปีข้างหน้า เพราะเราเชื่อว่าธุรกิจจะอยู่รอดจะต้องมีนวัตกรรมที่ดีและปรับตัวให้เร็วที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของเราที่จะมุ่งสานต่อธุรกิจให้ก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อนำหน้าคู่แข่ง"นายวิลเลี่ยม กล่าว
บริษัทมองว่า Foodtech จะเป็นหนึ่งในส่วนของการต่อสู้กับ disrubtion ที่น่าสนใจ เพราะมีมูลค่าสูงถึง 1.6 หมื่นล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโต 20% ต่อปี ขณะที่คาดว่าภายในปี 65 การเติบโตของ Foodtech จะปฏิวัติและมีส่วนเกี่ยวข้องกับห่วงโซ่ทั้งหมดของธุรกิจอาหาร ไม่ว่าจะเป็นซัพพลายเออร์ ไปจนถึงลูกค้า จึงนับเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทยที่ได้รับการขนานนามว่า "ครัวโลก" จะได้เป็นศูนย์กลางด้านนวัตกรรมของธุรกิจค้าปลีกและอาหารของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารมีศักยภาพในการช่วยผลักดันสตาร์ทอัพที่มีมูลค่ามหาศาลให้กับประเทศไทยได้
ปัจจุบัน บริษัทมีสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอาหารอยู่ที่ 38% สัดส่วนรายได้ธุรกิจโรงแรม 55% และสัดส่วนรายได้ธุรกิจจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ 7% ซึ่งการนำ Foodtech เข้ามานอกเหนือจะช่วยเพิ่มการเติบโตรายได้ของธุรกิจอาหารแล้ว อาจจะยังสามารถช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจอาหารให้มากขึ้นได้ โดยที่เบื้องต้นในปี 62 บริษัทจะใช้เงินลงทุนส่วนหนึ่งราว 100 ล้านบาท จากงบลงทุน Foodtech ที่วางไว้ 1 พันล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพด้าน Foodtech ซึ่งเป็นงบลงทุนนอกเหนือจากงบลงทุนปกติที่บริษัทวางไว้ 4-5 หมี่นล้านบาท ใน 5 ปี (ปี 61-65)
นายวิลเลี่ยม กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า รายได้รวมจะเติบโตได้มากกว่า 15% โดยมี 3 กลุ่มธุรกิจหลักที่ยังเดินหน้าสร้างการเติบโต คือ ธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอาหาร และธุรกิจจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ พร้อมกับกลยุทธ์การเข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภค ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในอนาคต