SONIC ปิดเทรดวันแรกที่ 1.84 บาท ต่ำกว่าราคาขาย IPO 5.64%

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 19, 2018 16:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น SONIC ปิดเทรดวันแรกที่ 1.84 บาท ลดลง 0.11 บาท (-5.64%) จากราคาขาย IPO 1.95 บาท มูลค่าซื้อขาย 826.27 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.14 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 2.22 บาท และราคาลงต่ำสุด 1.84 บาท

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.โซนิค อินเตอร์เฟรท (SONIC) ประเมินมูลค่าเหมาะสมของ SONIC จากวิธี Theoretical PER ที่ระดับ 25.9xPE เทียบกับกำไรต่อหุ้นในปี 62 ที่ประเมินไว้ที่ 0.14 บาท ได้มูลค่าเหมาะสมของ SONIC ที่ 3.5 บาท มุมมองเขิงบวกต่ออุตสาหกรรม และแนวโน้มผลประกอบการระหว่างปี 60-63 ที่เติบโตมากถึง 18%CAGRs ถือว่าโดดเด่นกว่ากลุ่ม ด้านเงินปันผลคาดว่าบริษัทจะจ่ายในอัตรา 0.06 บาท ในปี 61 และในปี 62 ในอัตรา 0.07 บาท ซึ่งจะทำให้ SONIC มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 3% - 3.5%

บริษัทรายงานกำไรสุทธิงวด 6 เดือนปี 61 อยู่ที่ 25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5%YoY คิดเป็น 39% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 61 ที่ประเมินไว้ที่ 64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39%YoY โดยประเมินว่าการเติบโตของผลประกอบการเป็นผลมาจาก (1) การเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในช่วง 6M61 (2) การเพิ่มจำนวนพนักงาน (3) การขยายธุรกิจให้บริการขนส่งทางอากาศ (Air Freight) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจบริการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และ (4) ปริมาณการขนส่งที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่กำไรสุทธิปี 62-63 โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 78 ล้านบาท (+22.4%YoY) และ 89 ล้านบาท (+13.8%YoY) ตามลำดับ มาจากการควบคุมต้นทุนที่ดี รวมทั้งการขยายการลงทุน โดยบริษัทมีแผนลงทุนเพิ่มหัวลาก หางลาก และรถบรรทุก เพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจบริการขนส่งสินค้าทางบก และข้ามแดนในแถบประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยเม็ดเงินลงทุนที่ได้มาจากการทำ IPO ครั้งนี้

สำหรับธุรกิจ Logistics ของไทยถือว่ามีความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์ เอื้อต่อการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทั้งด้านทางบก ทางทะเล และทางอากาศ รวมไปถึงมีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีอัตราการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจสูง ขณะที่ภาครัฐฯ ยังคงมีแผนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานรองรับกิจกรรมการขนส่งสินค้าที่จะเติบโต รวมไปถึงการลดต้นทุนขนส่งต่อ GDP ลงในระยะยาว

นอกจากนี้ธุรกิจ Logistics ยังได้ประโยชน์การขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจโลก และกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมไปถึงไทย ที่ IMF ยังเชื่อว่าจะมี GDP ในปี 61 - 62 ขยายตัว 4.6% และ 3.9% ตามลำดับ เป็นการเติบโตที่โดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่ม Emerging Country


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ