นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือทอท. เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนัดเจรจากับกรมธนารักษ์เกี่ยวกับการปรับอัตราค่าตอบแทนการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุในพื้นที่ท่าอากาศยาน 5 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานหาดใหญ่ และท่าอากาศยานดอนเมือง โดยเบื้องต้นคาดน่าจะเจรจานัดแรกในเดือนพ.ย.นี้ โดยระหว่างได้มีการประสานงานนอกรอบไว้แล้ว
ทั้งนี้ คาดว่ากรมธนารักษ์จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับท่าอากาศยานสวุรรณภูมิ โดยเก็บส่วนแบ่งรายได้จากทรัพย์สิน (ROA) ที่แยกทรัพย์สินเป็น 3 ประเภท ได้แก่ ทรัพย์สินที่เป็น Commercial คิด ROA 3% ของมูลค่าทรัพย์สิน พื้นที่ว่างเปล่าที่จะนำไปพัฒนาโครงการใหม่เฉพาะ Commercial คิด ROA 2% ของมูลค่าทรัพย์สิน ส่วนทรัพย์สินที่เป็นพาณิชย์บริการ (Free Zone) คิด ROA 0.01% ของมูลค่าทรัพย์สิน ซึ่ง ทอท.ผลักภาระให้กับผู้ประกอบการภายในท่าอากาศยาน เพราะเป็นส่วนเพิ่มเติมขึ้นมาจากปัจจุบันกรมธนารักษ์จัดเก็บจากส่วนแบ่งรายได้ 5%
นายนิตินัย คาดว่า ทอท.จ่ายผลตอบแทนใช้ที่ดินให้กรมธนารักษ์ทั้ง 5 ท่าอากาศยานเป็นจำนวนเงินรวมน้อยกว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งในงบปี 61 (ต.ค.60-ก.ย.61) จ่ายค่าตอบแทนเป็นเงินประมาณ 900 ล้านบาท เพราะพื้นที่ Commercial มีไม่มาก โดยท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศเชียงใหม่มีพื้นที่น้อยมาก ส่วนที่ดินเปล่า ท่าอากาศยานเชียงรายมีมากที่สุด จำนวน 4.5-4.6 พันไร่ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ มีประมาณ 3 พันไร่
"เราหวังว่าเขาจะใช้เกณฑ์เดิมที่ใช้กับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ยังไม่ได้คุยเพราะอธิบดีกรมธนารักษ์เป็นคนใหม่ แต่ระหว่างนี้เจ้าหน้าที่ได้ประสานงานกันนอกรอบ ประเมินตอนนี้คิดว่าทั้ง 5 ท่า น่าจะจ่ายน้อยกว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ"นายนิตินัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ทั้งนี้ หากได้ข้อตกลงการเก็บอัตราค่าตอบแทนกับกรมธนารักษ์ ทอท.จะนำส่งให้สำนักงานการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (กพท.) รับทราบด้วยเพราะถือเป็นอัตราค่าภาระที่ ทอท.ต้องให้บุคคลที่สามรับทราบตามเกณฑ์