โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) หลังคาดกำไรไตรมาสที่ 3/61 เติบโตโดดเด่น 46-50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ในช่วง 316-325 ล้านบาท จากการเริ่มดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู รวมถึงมีความคืบหน้างานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม และรถไฟทางคู่ ประกอบกับสามารถรักษาระดับมาร์จิ้นได้ในระดับที่ดี 7.7% ซึ่งจะผลักดันให้ผลการดำเนินงานปีนี้พลิกมีกำไรสุทธิ
นอกจากนี้ยังมีปริมาณงานในมือ (Backlog) สูงถึง 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ครึ่งหลังปี 61 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะสามารถรองรับการเติบโตของรายได้ในอนาคต ขณะที่คาดว่าในช่วงที่เหลือของปียังมีโอกาสเข้ารับงานได้อย่างต่อเนื่องทั้งจากภาครัฐและเอกชน จากการเร่งผลักดันงานโครงการต่าง ๆ จากภาครัฐก่อนการเลือกตั้ง
หุ้น STEC ปิดช่วงเช้าอยู่ที่ 24.20 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ -0.41% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ร่วงลง 1.16%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 28.00 เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ ซื้อเก็งกำไร 29.00 เคที ซีมิโก้ ซื้อ 30.00 ฟันันเซีย ไซรัส ซื้อ 28.50 หยวนต้า (ประเทศไทย) ซื้อเก็งกำไร 28.50
นายสุรชัย ประมวลเจริญกิจ รักษาการหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 3/61 ของ STEC จะออกมาดี โดยประเมินว่ากำไรจะทำได้ที่ระดับ 325 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากแรงหนุนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ซึ่งการรับรู้โครงการดังกล่าวจะหนุนให้กำไรในไตรมาสที่ 4/61 จนถึงปี 62 เติบโตอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดีประเมินกำไรทั้งปี 61 ของ STEC ไว้ที่ 1.24 พันล้านบาท ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขาดทุน 611 ล้านบาท ส่วนปี 62 คาดว่ากำไรจะอยู่ที่ 1.6 พันล้านบาท หรือเติบโตราว 40%
ตั้งแต่ต้นปี STEC ได้รับงานใหม่แล้ว 2.79 หมื่นล้านบาท จากเป้าหมายในปีนี้ที่ 3 หมื่นล้านบาท และในอนาคตคาดว่าจะมีโอกาสได้รับงานโครงการอื่น ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังจะสามารถเลือกรับงานที่มีอัตรากำไรสูงได้ โดยงานใหม่ที่เพิ่มเข้ามาผลักดันให้ปัจจุบันมี Backlog สูงถึง 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ราว 2.5-3 หมื่นล้านบาท/ไตรมาสในช่วงหลังจากนี้
บทวิเคราะห์บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า คาดกำไรในไตรมาสที่ 3/61 ของ STEC จะสามารถเติบโตได้โดดเด่น 48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน หรือแตะ 320 ล้านบาท จากการเริ่มงานรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง และโรงไฟฟ้าของบมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) 2 แห่ง รวมถึงเดินเครื่องงานรถไฟฟ้าสายสีส้มเต็มที่ คาดมีอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่ 7.7% จากการควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น
ทั้งนี้ ปรับประมาณการกำไรของ STEC ในปี 61-62 ขึ้นเฉลี่ย 16.5% เป็น 1.25 พันล้านบาทในปีนี้ พลิกจากขาดทุนในปีก่อน และเพิ่มเป็น 1.58 พันล้านบาทในปี 62 โดยมีปัจจัยบวกจากการที่ภาครัฐเร่งผลักดันงานประมูลออกมาจำนวนมากในไตรมาสที่ 4/61 ถึง 1/62 จากการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นปี 61-62 เป็น 7.7% และ 8.1% จากเดิม 6.9% และ 7.5% ตามลำดับ สะท้อนมาร์จิ้นในครึ่งแรกปีนี้ ที่ทำได้ดีกว่าที่คาด และการเพิ่มขึ้นของงานโรงไฟฟ้าซึ่งมีมาร์จิ้นสูง
ขณะที่การก่อสร้างรัฐสภาใหม่ ซึ่งมีกำหนดส่งมอบเดือนธ.ค.62 ปัจจุบันมีความคืบหน้าอยู่ที่ 60% โดยงานที่เหลือส่วนใหญ่เป็นงานภายใน จึงคลายความกังวลกับประเด็นการตั้งสำรองเพิ่มในอนาคตไปได้
ปัจจุบัน STEC มี Backlog รวม 1.2 แสนล้านบาท มากกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตเกือบ 2 เท่า ซึ่งจะรองรับรายได้อย่างน้อย 3 ปี ซึ่งจะเร่งรับรู้เป็นรายได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังปี 61 นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกที่รออยู่คือ การยื่นซองประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่า 2 แสนล้านบาท ในวันที่ 12 พ.ย.นี้ โดยเป็นความร่วมมือกันในกลุ่ม BSR ซึ่งประกอบด้วย STEC ,บมจ.บีทีเอส กรุ๊ปโฮลดิ้งส์ (BTS) และบมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH)
ด้านบล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์ STEC จะทำกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 3/61 ได้ราว 316 ล้านบาท หรือเติบโต 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้รายได้โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง รวมถึงความคืบหน้างานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม และรถไฟทางคู่ หนุนรายได้จากการก่อสร้างทำได้ 6.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดปีก่อน และคงระดับมาร์จิ้นไว้ที่ระดับ 7.7% เช่นเดียวกับไตรมาสที่ 2/61
STEC ยังคงเป้ารับงานใหม่ในปีนี้ที่ระดับ 3 หมื่นล้านบาท หลังตั้งแต่ต้นปีจะได้งานใหม่ไปแล้วทั้งสิ้น 2.7 หมื่นล้านบาท และในช่วงท้ายของปีคาดว่าจะได้งานใหม่จากภาคเอกชนในกลุ่มลูกค้า Community mall กลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า และปิโตรเคมี สำหรับปี 62 คาดจะได้งานใหม่มากกว่า 3 หมื่นล้านบาททั้งจากภาคเอกชน และงานประมูลภาครัฐ ซึ่งจะเกิดขึ้นมากในช่วงไตรมาสที่ 1/62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการเลือกตั้ง จากงานรถไฟฟ้าสายสีม่วง-ส้ม ส่วนต่อขยาย งานรถไฟทางคู่ และโครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน และล่าสุดยังมีโอกาสรับงานเพิ่มหลังภาครัฐอนุมัติงานส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง วงเงิน 7 พันล้านบาท หนุนงานในมือเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้คาดแนวโน้มผลประกอบการไตรมาสที่ 4/61 จะยังเด่นต่อเนื่องตามความคืบหน้าของงานรถไฟฟ้าสายสีหลือง สีชมพู และโรงไฟฟ้า หาก STEC รับรู้รายได้แข็งแกร่งและสามารถรักษามาร์จิ้นได้ใกล้เคียงปัจจุบันที่ 7.7% ทำให้มาร์จิ้นทั้งปีนี้อยู่ที่ 7.7% ดีกว่าที่คาดไว้ 7.3% และทำให้กำไรสุทธิปี 61 จะดีกว่าที่คาดการณ์ราว 5-10% นอกจากนี้ประเด็นบวกจากความคืบหน้าของงานประมูลต่างๆ ซึ่ง STEC พร้อมรับงานทั้งแบบปกติและรูปแบบการประมูลแบบ PPP ร่วมกับพันธมิตรอย่าง BTS