WHA ลุ้นรายได้ปีนี้โตเกินเป้า 20% จากรอเซ็นสัญญาขายที่ดินลูกค้ารายใหญ่, ปรับแผนธุรกิจ 5 ปีใหม่ หลังหลายปัจจัยเปลี่ยน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 24, 2018 15:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้มีโอกาสเติบโตเกินเป้าหมายที่วางไว้ที่ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.24 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดขายรอโอน (Backlog) ราว 200-300 ไร่ (ไม่รวมรายใหญ่) มูลค่ารวมเฉลี่ย 1 พันล้านบาท คาดว่าจะสามารถโอนได้ในช่วงไตรมาส 4/61 ขณะที่ยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาขายที่ดินกับลูกค้ารายใหญ่อีกประมาณ 4-5 ราย รายละ 300-400 ไร่ หรือคิดเป็นจำนวนรวมประมาณ 2 พันไร่ คาดว่าหากสามารถเซ็นสัญญาได้ทันภายในปีนี้ก็จะส่งผลทำให้ยอดขายที่ดินเติบโตเกินเป้าหมาย จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะมียอดขายที่ดินในปีนี้ที่ 1.4 พันไร่ และส่งผลดีต่อรายได้เติบโตกว่าคาดการณ์ด้วย

"จะเห็นได้ว่าครึ่งปีแรกยอดขายที่ดินเรายังมีค่อนข้างน้อยอยู่ ซึ่งเรามีการเจรจากับลูกค้าในแต่ละราย 300-400 ไร่ ประมาณ 4-5 ราย ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าจะจบภายในปีนี้หรือไม่ เพราะมันอีก 2 เดือนกว่าๆ ถ้าจบยอดก็จะทะลุเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1.4 พันไร่ แต่ถ้าไม่จบก็อาจจะต่ำกว่าเป้าเล็กน้อย และอาจจะเลื่อนการรับรู้รายได้ไปอีกไตรมาส"

ส่วนธุรกิจโลจิสติกส์ พื้นที่ให้เช่าคลังสินค้า บริษัทฯ คาดว่าจะทำได้เกินเป้าหมาย จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ที่ 2.5 แสนตารางเมตร โดยในช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา ทำสัญญาเช่าไปแล้วกว่า 6 หมื่นตารางเมตร ขณะเดียวกันในเดือนส.ค.61 บริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาเช่าพื้นที่กับนักลงทุนต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 1.3 แสนตารางเมตร ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทได้ให้บริหารพื้นที่เช่าไปแล้วกว่า 1.9 แสนตารางเมตร โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ ก็อยู่ระหว่างการเจรจาและรอเซ็นสัญญากับนักลงทุนรายใหญ่จากต่างประเทศอีกจำนวน 2 ราย ซึ่งมีความต้องการเช่าพื้นที่คลังสินค้า 4-5 หมื่นตารางเมตร 1 ราย และ 6 หมื่นตารางเมตร อีก 1 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ทั้งหมด

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 4/61 บริษัทฯ จะมีการบันทึกกำไรและรายได้เข้ามาตามสัดส่วนการถือหุ้น จากการขายทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) โดยคาดว่าจะเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ และโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินเข้ากองทรัสต์ WHART แล้วเสร็จในเดือนธ.ค. 61

อนึ่ง WHA Group ได้นำทรัพย์สินโครงการของบริษัทฯ จำนวน 2 โครงการ และโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม Central จำนวน 1 โครงการ รวมทั้งโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง WHA และกลุ่ม KPN อีก 1 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย โครงการ WHA Mega Logistics Center (พระราม 2 กม. 35) มีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 14,084 ตารางเมตร ซึ่งมีเนื้อที่ดินที่เช่าประมาณ 17 ไร่ 1 งาน 50 ตารางวา, โครงการ Central WHA Mega Logistics Center (วังน้อย 63) พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 86,223.61 ตารางเมตร บนที่ดินที่ดินรวมประมาณ 96 ไร่ 1 งาน 44 ตารางวา, โครงการ WHA KPN Mega Logistics Center (ถนนบางนา-ตราด กม. 23) พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 39,607 ตารางเมตร ซึ่งมีเนื้อที่ดินที่เช่าประมาณ 43 ไร่ 3 งาน และ โครงการ DSG HSIL จังหวัดสระบุรี พื้นที่เช่าอาคารประมาณ 16,620 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 15 ไร่ เมื่อรวมทั้ง 4 โครงการ จะมีพื้นที่เช่าอาคารประมาณ 156,534.61 ตารางเมตร บนที่ดินรวมประมาณ 172 ไร่ 1 งาน 94 ตารางวา

น.ส.จรีพร กล่าวว่า บริษัทฯ ได้มีปรับแผนการดำเนินงาน 5 ปี (62-66) ใหม่ โดยคาดว่าจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) เพื่อพิจารณาอนุมัติแผนดังกล่าวได้ในเดือนพ.ย.นี้ เนื่องด้วยมีหลายปัจจัยเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องมีการรีวิวแผนการดำเนินงานใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกันไป โดยเฉพาะในเรื่องของการสนับสนุนการลงทุนในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และการเลือกตั้ง เป็นต้น โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการยืนขอประกาศเขตพื้นที่ อี-คอมเมิร์ซ พาร์ค (E-Commerce Park) ในนิคมอุตสาหกรรม จ.ฉะเชิงเทรา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยพื้นที่ในนิคมดังกล่าวมีพื้นที่จำนวน 232 ไร่ ซึ่งมีลูกค้าซื้อพื้นที่ไปแล้วกว่า 160 ไร่ คาดว่าจะได้รับการอนุมัติได้ใน 2-3 เดือนจากนี้ เพื่อหวังสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการลงทุนใน EEC

ปัจจุบันพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมของบริษัทในประเทศ บริษัทฯ มีพื้นที่ทั้งหมดรวมกัน 9 แห่ง และกำลังจะเปิดเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จ.ระยอง ภายในไตรมาส 4/61 ซึ่งจะทำให้ปีนี้ WHA จะมีนิคมอุตสาหกรรมรวมกันทั้งหมด 10 แห่ง และอีก 1 แห่งในประเทศเวียดนาม โดยขณะนี้ก็อยู่ระหว่างเตรียมเซ็น MOU กับลูกค้าที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงานในนิคมฯ รวม 40 ไร่ ภายในสิ้นปีนี้ และตั้งเป้ายอดขายที่ดินในนิคมฯในเวียดนามเพิ่มอีก 100 ไร่ ในปี 62 อีกทั้งยังอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนด้านโลจิสติกส์ในประเทศลาว และอินโดนีเซียเพิ่มเติมอีก

นอกจากนี้ในวันที่ 6 พ.ย.นี้ บริษัทฯ จะเดินทางไปยังประเทศจีน เพื่อเซ็นสัญญา MOU กับ ยูนนานกรุ๊ป ภายในงานเซี่ยงไฮ้อินเตอร์เนชั่นเนล อิมพอร์ต เอ็กซ์โป เพื่อร่วมกันศึกษาเส้นทางโลจิสติกส์ภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative หรือ BRI ของจีน ประกอบด้วยเส้นทาง ยูนนาน, สปป.ลาว และไทย ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในอนาคต

พร้อมกันนี้มองสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะส่งผลดีกับ WHA อย่างมีนัยสำคัญ เนื่องด้วยมีลูกค้าจากประเทศจีน ไต้หวัน และเกาหลีใต้ เริ่มขยายฐานการผลิตเข้ามาตั้งโรงงานในประเทศไทย รวมถึงลูกค้าต่างชาติที่เข้าไปทำธุรกิจในประเทศจีน ก็หันมาลงทุนในไทยมากขึ้น หลังจากได้รับผลกระทบทางด้านภาษี อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาจีน ถือว่ามีความสนใจในประเทศไทยอย่างมาก เนื่องด้วยนโยบายสนับสนุนการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศของจีน และความชัดเจนของ EEC ที่เป็นจุดดึงดุดการลงทุน ทำให้จีนมีการศึกษาและมองหาผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญ ซึ่ง WHA ก็ถือว่าเป็นรายใหญ่ในด้านนิคมอุตสาหกรรมที่มีความหลากหลาย

น.ส.จรีพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้านธุรกิจ WHAUP ในปีนี้จะมีลูกค้าติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปอีกราว 10 เมกะวัตต์ และในปีหน้าคาดว่าจะติดตั้งและจำหน่ายไฟฟ้าได้เพิ่มอีก 15-20 เมกะวัตต์ อีกทั้งยังมีความสนใจนำโซลาร์รูฟตั้งอินฟราฟันด์ ซึ่งคาดจะเริ่มศึกษาได้ในปี 62

ขณะเดียวกันบริษัทฯ มีแผนออกหุ้นกู้ มูลค่า 6-7 พันล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 62 เพื่อรีไฟแนนซ์หุ้นกู้เดิม และลดต้นทุนทางการเงิน จากปัจจุบันที่มีต้นทุนทางการเงินอยู่ที่ 4% ซึ่งภายหลังการออกหุ้นกู้ดังกล่าวจะส่งผลทำให้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวลดลงต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ