แท็ก
3G
โบรกเกอร์มองแนวโน้มหุ้นกลุ่มสื่อสารปี 51 ดีกว่าปี 50 หลังภาพการเมืองชัดเจนสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคยิ่งขึ้น ขณะที่การแข่งขันคงไม่รุนแรงเท่าปีที่ผ่านมา และน่าจะเก็บอัตราค่าบริการได้มากขึ้นส่งผลให้ผลประกอบการดีขึ้น ประกอบกับความสับสนเรื่องการใช้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย(Interconnection Charge: IC)ระหว่างผู้ให้บริการด้วยกันน่ามีความชัดเจนในครึ่งปีหลัง แต่การให้ใบอนุญาต 3G คงยังไม่เกิดในปีนี้
แนะเก็บหุ้น ADVANC, DTAC ส่วน TRUE เล่นเก็งกำไรได้ ขณะที่ SATTEL ทยอยสะสมระยะยาว
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส คาดว่ากลุ่มธุรกิจสื่อสารในปี 51 แนวโน้มผลประกอบการจะดีขึ้น หลังจากที่การเมืองชัดเจน และภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้สามารถปรับค่าบริการได้ พร้อมเชื่อว่าจะไม่มีการแข่งขันรุนแรง
"ปีนี้ก็น่าจะสดใสกว่าปีที่ผ่านมา เพราะหลักๆปีที่แล้วเจอเรื่องการเมืองไปเยอะ โดยเฉพาะหุ้น ADVANC ที่จะมีการรื้อสัญญาสัมปทาน และมีเรื่อง Interconnection Charge ก็คิดว่าภาพเรื่องนี้ในปีนี้น่าจะเคลียร์ขึ้น แต่กว่าจะรู้ผลน่าจะเป็นกลางปี"น.ส.จิตรา กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการกลุ่มสื่อสารในปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว คาดว่ากำไรสุทธิในปี 51 ของทั้ง บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC), บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC), บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) โดยเฉลี่ยจะเติบโต 32% ดีกว่าปี 50 ที่คาดกำไรสุทธิจะมีอัตราเติบโต 15%
เนื่องจากจะมีการคิดค่าบริการสูงกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าการแข่งขันปี 51 ก็ยังมีอยู่แต่จะไม่เหมือนกับปีที่แล้ว โดยหลาย Operator ได้ปรับขึ้นค่าโทรนอกเครือข่าย จากที่เคยเก็บครั้งละ 0.25-1.00 บาท แต่เมื่อ DTAC และ TRUE MOVE เริ่มใช้ระบบ IC ก็ทำให้มีต้นทุนนาทีละ 1 บาท ดังนั้น จึงต้องปรับขึ้นราคาค่าบริการตามต้นทุน ส่งผลดีให้ราคาต่อหน่วยของค่าบริการสูงขึ้นจากปีที่แล้ว
แม้ว่าจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือใกล้อิ่มตัว โดยสิ้นปี 50 อัตราส่วนการใช้โทรศัทท์มือถือต่อประชากรทั้งหมดอยู่ที่ 80% โดยเฉพาะในกรุงเทพ มีอัตราส่วนการใช้โทรศัพท์มือถือ เกินกว่า 100% หรืออยู่ประมาณ 130-150% โดย 1 คนมีมากกว่า 2 เบอร์ ฉะนั้นการเติบโตในปีนี้จะมาจากผู้ใช้ในต่างจังหวัด ซึ่งจะมีรายได้ต่อเลขหมายไม่มาก เพราะมีการใช้งานน้อยกว่า
"มองว่าทุก Operator ปรับราคาขึ้น แต่โดยรวมก็ไม่ได้ดีมากนัก ไม่ได้พุ่งกระฉูด เพราะว่าการเติบโตมาจากคนต่างจังหวัดที่มีการใช้งานน้อย เพราะค่าบริการที่ได้จากลูกค้าใหม่ที่อยู่ต่างจังหวัดต่ำ"น.ส.จิตรา กล่าว
ขณะที่กรณี บมจ.ทีโอทีฟ้องคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)คิดระบบ Interconnection Charge ทำให้ทีโอทีเสียหาย เรื่องนี้คิดว่าจะรู้ผลกลางปีนี้ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ หลายฝ่ายทั้งนักวิเคราะห์และเอกชน เชื่อว่าผลตัดสินน่าจะเป็น กทช.ชนะคดี คือจะมีการใช้ ระบบ Interconnection Charge ซึ่งควรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย
การลงทุนในกลุ่มสื่อสารจะน้อยลง มองว่าภาพรวมดีขึ้น โดยเป็นการลงทุนขยขยายโครงข่ายซึ่งก็มีเกือบทั่วประเทศแล้ว ส่วนการลงทุน 3G ยังไม่มี เพราะคาดว่าปีนี้ยังไม่เปิดให้ใบอนุญาต แต่จะเกิดในปี 52 ซึ่งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับใบอนุญาต 3G มีประมาณ 7-8% ของรายได้ ต่ำกว่าปัจจุบันที่ต้องเสียส่วนแบ่งรายได้ 25-30% ของรายได้
"จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดต้องรอ 3G เข้ามา เพราะปัจจุบันจะโตแบบไปเรื่อยๆ มีโทรเข้า-รับสาย ซึ่งคงกระตุ้นรายได้ด้าน Voice ไม่ได้มากนัก"น.ส.จิตรา กล่าว
ดังนั้น ผู้ให้บริการก็ต้องหารายได้เสริมเข้ามา จึงคาดว่ารายได้จาก Non-Voice จะเติบโตเป็น 15% ของรายได้ทั้งระบบ จากปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ส่วน 90% เป็นรายได้จาก Voice
ส่วน บมจ.ชินแซทเทลไลท์(SATTEL) คาดว่าผลประกอบการปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ที่แม้ว่าจะสามารถเปิดตลาดดาวเทียมไอพีสตาร์ในตลาดจีนได้ แต่ก็ยังขายได้น้อย ตอนนี้ก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้เพิ่มผู้แทนจำหน่ายมากขึ้น ฉะนั้น ยอดขายในตลาดจีนน่าจะกระเตื้องขึ้น ขณะที่ตลาดอินเดีย อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจากทางการ คาดว่าครึ่งปีหลังตลาดอินเดียน่าจะเข้ามา โดยรวม ตลาดหลักคือจีนและอินเดียในปีนี้จะดีขึ้น
"มองว่า SATTEL ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าปีที่แล้ว มองเป้าหมายไว้ที่ 16 บาท"
ราคาเป้าหมาย ADVANC ,DTAC, TRUE (กรณีไม่รวมค่า IC) อยู่ที่ 113 บาท , 52 บาท และ 6.00 บาท ตามลำดับ แนะนำให้ลงทุน ADVANC , SATTEL
กลุ่มตัวแทนขายมือถือ เช่น TWZ, BLISS แนวโน้มปีนี้จำนวนเครื่องจะขายได้มากกว่าปีก่อน เพราะคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้น ความเชื่อมั่นและการบริโภคน่าจะดีขึ้น แต่ราคาขายต่อหน่วยจะต่ำลงเหลือประมาณ 3,000-4,000 บาทต่อเครื่อง ตามการเติบโตลูกค้ามือถือในต่างจังหวัด
ด้าน น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองว่า กลุ่มสื่อสารในปี 51 แนวโน้มโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน เพราะหลังจัดตั้งรัฐบาล ความเชื่อมั่นผู้บริโภคน่าจะฟื้นตัว ผู้ให้บริการคงกล้าปรับขึ้นอัตราค่าบริการได้มากกว่าปีที่แล้ว
"ที่สำคัญต้องรอดูสถานการณ์อีกทีหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ก็คาดหวังว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่ ภาพความไม่ชัดเจนทางการเมืองดีขึ้น น่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมสื่อสารดีขึ้นด้วย"น.ส.ศลยา กล่าว
ส่วนกรณีค่า IC อาจจะยังไม่มีความชัดเจน โดยกรณีที่ บมจ.ทีโอทีได้มีการฟ้องร้องกัน โดยกรณีที่ฟ้องกทช.ต่อศาลปกครอง ก็น่ามีโอกาสได้ข้อยุติภายในปีนี้ ส่วนที่ฟ้อง บมจ.กสท.โทรคมนาคม , DTAC, TRUE MOVE ต่อศาลแพ่ง คิดว่าคงไม่จบเร็ว คงต้องใช้ระยะเวลา
การออกใบอนุญาต 3G คาดว่าจะยังไม่เห็นในปีนี้ เพราะต้องรอดู ซึ่งมีกฎหมายหลายประเภทที่มาเกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)จึงจะมีการตัดสินใจการออกใบอนุญาต แต่อย่างน้อยปีนี้หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขอใบอนุญาต 3G และการจัดสรรความถี่ใหม่ คาดจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง และรัฐบาลก็เป็นอีกปัจจัยว่าจะมีนโยบายผลักดันเรื่องนี้อย่างไร
"ผู้บริหารที่ได้คุยกันก็หวังว่าพอมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองก็หายไป สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น" น.ส.ศลยา กล่าว
ผลประกอบการของกลุ่มสื่อสารในปีนี้ ก็คาดว่าจะดีขึ้นทั้งหมด โดยแนะนำซื้อ ADVANC ให้เป้าหมาย 106.50 บาท ,DTAC ให้เป้าหมายไว้ที่ 51 บาท ส่วน TRUE ให้เล่นเก็งกำไร โดยให้เป้าหมายไว้ที่ 8.70 บาท
SATTEL ในแง่ผลประกอบการจะดีขึ้นจริงต้องเป็นปี 52 โดยปีนี้รอความคืบหน้าของตลาดหลักไอพีสตาร์ คือ จีน กับ อินเดีย
"คิดว่าปีนี้น่าจะมีข่าวดีเรื่องความคืบหน้าต่างๆ คือที่สำคัญที่ทำให้ผลประกอบการโตชัด ก็คือตลาดจีนกับอินเดีย ซึ่งคิดว่าอินเดียน่าจะเข้ามาปีนี้ ปีนี้น่าจะอยู่ในช่วงกำลังขยาย" น.ส.ศลยา กล่าว
เปรียบราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นปี 50
หุ้น ราคาปิด 3 ม.ค. ราคาปิด 28 ธ.ค. เปลี่ยนแปลง
ADVANC 76.00 97.00 27.64%
DTAC ( เข้าเทรด 22 มิ.ย. 39.25 --
ปิด 41.75 บ.จาก IPO 40 บ.)
TRUE 5.60 5.80 3.58%
SATTEL 6.45 10.20 58.14%
แนะเก็บหุ้น ADVANC, DTAC ส่วน TRUE เล่นเก็งกำไรได้ ขณะที่ SATTEL ทยอยสะสมระยะยาว
น.ส.จิตรา อมรธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไซรัส คาดว่ากลุ่มธุรกิจสื่อสารในปี 51 แนวโน้มผลประกอบการจะดีขึ้น หลังจากที่การเมืองชัดเจน และภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้สามารถปรับค่าบริการได้ พร้อมเชื่อว่าจะไม่มีการแข่งขันรุนแรง
"ปีนี้ก็น่าจะสดใสกว่าปีที่ผ่านมา เพราะหลักๆปีที่แล้วเจอเรื่องการเมืองไปเยอะ โดยเฉพาะหุ้น ADVANC ที่จะมีการรื้อสัญญาสัมปทาน และมีเรื่อง Interconnection Charge ก็คิดว่าภาพเรื่องนี้ในปีนี้น่าจะเคลียร์ขึ้น แต่กว่าจะรู้ผลน่าจะเป็นกลางปี"น.ส.จิตรา กล่าว
ทั้งนี้ ผลประกอบการกลุ่มสื่อสารในปีนี้จะดีกว่าปีที่แล้ว คาดว่ากำไรสุทธิในปี 51 ของทั้ง บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC), บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC), บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE) โดยเฉลี่ยจะเติบโต 32% ดีกว่าปี 50 ที่คาดกำไรสุทธิจะมีอัตราเติบโต 15%
เนื่องจากจะมีการคิดค่าบริการสูงกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าการแข่งขันปี 51 ก็ยังมีอยู่แต่จะไม่เหมือนกับปีที่แล้ว โดยหลาย Operator ได้ปรับขึ้นค่าโทรนอกเครือข่าย จากที่เคยเก็บครั้งละ 0.25-1.00 บาท แต่เมื่อ DTAC และ TRUE MOVE เริ่มใช้ระบบ IC ก็ทำให้มีต้นทุนนาทีละ 1 บาท ดังนั้น จึงต้องปรับขึ้นราคาค่าบริการตามต้นทุน ส่งผลดีให้ราคาต่อหน่วยของค่าบริการสูงขึ้นจากปีที่แล้ว
แม้ว่าจำนวนผู้ใช้โทรศัพท์มือถือใกล้อิ่มตัว โดยสิ้นปี 50 อัตราส่วนการใช้โทรศัทท์มือถือต่อประชากรทั้งหมดอยู่ที่ 80% โดยเฉพาะในกรุงเทพ มีอัตราส่วนการใช้โทรศัพท์มือถือ เกินกว่า 100% หรืออยู่ประมาณ 130-150% โดย 1 คนมีมากกว่า 2 เบอร์ ฉะนั้นการเติบโตในปีนี้จะมาจากผู้ใช้ในต่างจังหวัด ซึ่งจะมีรายได้ต่อเลขหมายไม่มาก เพราะมีการใช้งานน้อยกว่า
"มองว่าทุก Operator ปรับราคาขึ้น แต่โดยรวมก็ไม่ได้ดีมากนัก ไม่ได้พุ่งกระฉูด เพราะว่าการเติบโตมาจากคนต่างจังหวัดที่มีการใช้งานน้อย เพราะค่าบริการที่ได้จากลูกค้าใหม่ที่อยู่ต่างจังหวัดต่ำ"น.ส.จิตรา กล่าว
ขณะที่กรณี บมจ.ทีโอทีฟ้องคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.)คิดระบบ Interconnection Charge ทำให้ทีโอทีเสียหาย เรื่องนี้คิดว่าจะรู้ผลกลางปีนี้ ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ หลายฝ่ายทั้งนักวิเคราะห์และเอกชน เชื่อว่าผลตัดสินน่าจะเป็น กทช.ชนะคดี คือจะมีการใช้ ระบบ Interconnection Charge ซึ่งควรจะเกิดขึ้นในประเทศไทย
การลงทุนในกลุ่มสื่อสารจะน้อยลง มองว่าภาพรวมดีขึ้น โดยเป็นการลงทุนขยขยายโครงข่ายซึ่งก็มีเกือบทั่วประเทศแล้ว ส่วนการลงทุน 3G ยังไม่มี เพราะคาดว่าปีนี้ยังไม่เปิดให้ใบอนุญาต แต่จะเกิดในปี 52 ซึ่งค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับใบอนุญาต 3G มีประมาณ 7-8% ของรายได้ ต่ำกว่าปัจจุบันที่ต้องเสียส่วนแบ่งรายได้ 25-30% ของรายได้
"จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดต้องรอ 3G เข้ามา เพราะปัจจุบันจะโตแบบไปเรื่อยๆ มีโทรเข้า-รับสาย ซึ่งคงกระตุ้นรายได้ด้าน Voice ไม่ได้มากนัก"น.ส.จิตรา กล่าว
ดังนั้น ผู้ให้บริการก็ต้องหารายได้เสริมเข้ามา จึงคาดว่ารายได้จาก Non-Voice จะเติบโตเป็น 15% ของรายได้ทั้งระบบ จากปัจจุบันมีสัดส่วน 10% ส่วน 90% เป็นรายได้จาก Voice
ส่วน บมจ.ชินแซทเทลไลท์(SATTEL) คาดว่าผลประกอบการปีนี้ดีกว่าปีที่แล้ว ที่แม้ว่าจะสามารถเปิดตลาดดาวเทียมไอพีสตาร์ในตลาดจีนได้ แต่ก็ยังขายได้น้อย ตอนนี้ก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ให้เพิ่มผู้แทนจำหน่ายมากขึ้น ฉะนั้น ยอดขายในตลาดจีนน่าจะกระเตื้องขึ้น ขณะที่ตลาดอินเดีย อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตจากทางการ คาดว่าครึ่งปีหลังตลาดอินเดียน่าจะเข้ามา โดยรวม ตลาดหลักคือจีนและอินเดียในปีนี้จะดีขึ้น
"มองว่า SATTEL ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าปีที่แล้ว มองเป้าหมายไว้ที่ 16 บาท"
ราคาเป้าหมาย ADVANC ,DTAC, TRUE (กรณีไม่รวมค่า IC) อยู่ที่ 113 บาท , 52 บาท และ 6.00 บาท ตามลำดับ แนะนำให้ลงทุน ADVANC , SATTEL
กลุ่มตัวแทนขายมือถือ เช่น TWZ, BLISS แนวโน้มปีนี้จำนวนเครื่องจะขายได้มากกว่าปีก่อน เพราะคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะดีขึ้น ความเชื่อมั่นและการบริโภคน่าจะดีขึ้น แต่ราคาขายต่อหน่วยจะต่ำลงเหลือประมาณ 3,000-4,000 บาทต่อเครื่อง ตามการเติบโตลูกค้ามือถือในต่างจังหวัด
ด้าน น.ส.ศลยา ณ สงขลา ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) มองว่า กลุ่มสื่อสารในปี 51 แนวโน้มโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีก่อน เพราะหลังจัดตั้งรัฐบาล ความเชื่อมั่นผู้บริโภคน่าจะฟื้นตัว ผู้ให้บริการคงกล้าปรับขึ้นอัตราค่าบริการได้มากกว่าปีที่แล้ว
"ที่สำคัญต้องรอดูสถานการณ์อีกทีหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล ก็คาดหวังว่าเมื่อมีรัฐบาลใหม่ ภาพความไม่ชัดเจนทางการเมืองดีขึ้น น่าจะส่งผลให้อุตสาหกรรมสื่อสารดีขึ้นด้วย"น.ส.ศลยา กล่าว
ส่วนกรณีค่า IC อาจจะยังไม่มีความชัดเจน โดยกรณีที่ บมจ.ทีโอทีได้มีการฟ้องร้องกัน โดยกรณีที่ฟ้องกทช.ต่อศาลปกครอง ก็น่ามีโอกาสได้ข้อยุติภายในปีนี้ ส่วนที่ฟ้อง บมจ.กสท.โทรคมนาคม , DTAC, TRUE MOVE ต่อศาลแพ่ง คิดว่าคงไม่จบเร็ว คงต้องใช้ระยะเวลา
การออกใบอนุญาต 3G คาดว่าจะยังไม่เห็นในปีนี้ เพราะต้องรอดู ซึ่งมีกฎหมายหลายประเภทที่มาเกี่ยวข้อง รวมถึงการจัดตั้งคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)จึงจะมีการตัดสินใจการออกใบอนุญาต แต่อย่างน้อยปีนี้หลักเกณฑ์เกี่ยวกับการขอใบอนุญาต 3G และการจัดสรรความถี่ใหม่ คาดจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง และรัฐบาลก็เป็นอีกปัจจัยว่าจะมีนโยบายผลักดันเรื่องนี้อย่างไร
"ผู้บริหารที่ได้คุยกันก็หวังว่าพอมีรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง เรื่องความไม่แน่นอนทางการเมืองก็หายไป สถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น" น.ส.ศลยา กล่าว
ผลประกอบการของกลุ่มสื่อสารในปีนี้ ก็คาดว่าจะดีขึ้นทั้งหมด โดยแนะนำซื้อ ADVANC ให้เป้าหมาย 106.50 บาท ,DTAC ให้เป้าหมายไว้ที่ 51 บาท ส่วน TRUE ให้เล่นเก็งกำไร โดยให้เป้าหมายไว้ที่ 8.70 บาท
SATTEL ในแง่ผลประกอบการจะดีขึ้นจริงต้องเป็นปี 52 โดยปีนี้รอความคืบหน้าของตลาดหลักไอพีสตาร์ คือ จีน กับ อินเดีย
"คิดว่าปีนี้น่าจะมีข่าวดีเรื่องความคืบหน้าต่างๆ คือที่สำคัญที่ทำให้ผลประกอบการโตชัด ก็คือตลาดจีนกับอินเดีย ซึ่งคิดว่าอินเดียน่าจะเข้ามาปีนี้ ปีนี้น่าจะอยู่ในช่วงกำลังขยาย" น.ส.ศลยา กล่าว
เปรียบราคาหุ้นกลุ่มสื่อสารตั้งแต่ต้นปีถึงสิ้นปี 50
หุ้น ราคาปิด 3 ม.ค. ราคาปิด 28 ธ.ค. เปลี่ยนแปลง
ADVANC 76.00 97.00 27.64%
DTAC ( เข้าเทรด 22 มิ.ย. 39.25 --
ปิด 41.75 บ.จาก IPO 40 บ.)
TRUE 5.60 5.80 3.58%
SATTEL 6.45 10.20 58.14%