บมจ.ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่(BAT-3K)ตั้งเป้ารายได้รวมในปี 51 เติบโตต่อเนื่องในระดับเดียวกับปี 50 ที่เติบโตราว 10% จากปี
49 โดยมีรายได้ตามเป้าหมาย 4.1 พันล้านบาท และคาดว่ากำไรทั้งในปี 50 และ 51 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับรายได้ ซึ่งน่าจะทำให้กำไรในปี 51 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ BAT-3K กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ปัจจัยที่ยังกดดันผลประกอบการของบริษัทอยู่ในปีนี้คงเป็นเรื่องราคาตะกั่วที่ยังมีความผันผวนอยู่ และประเมินได้ยากว่าจะขึ้นแรงหรือลดลงในทิศทางใด แต่การที่บริษัทมีโรงงานรีไซเคิลตะกั่วนำมาหลอมใหม่ ทำให้ได้เปรียบด้านต้นทุน
ส่วนปัญหาค่าเงินบาทที่แข็งค่าได้รับผลกระทบบ้าง แต่การที่บริษัทมีรายจ่ายในการซื้อวัตถุดิบและมีรายได้จากการขายสินค้าเป็นเงินดอลลาร์ด้วยจึงทำให้ 2 ขาสมดุลกัน
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า แม้ว่ากรมการค้าภายในจะอนุมัติในการปรับขึ้นราคาขายแบตเตอรี่ได้แล้วก็ตาม แต่บริษัทยังไม่มีแผนปรับขึ้นราคาขายในช่วงนี้ เนื่องจากยังสามารถแบกรับต้นทุนตะกั่วได้แม้จะมีความผันผวนก็ตาม ขณะนี้ราคาตะกั่วปรับขึ้นมาอยู่ที่ 2.6 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน จาก 2.4-2.5 พันเหรียญสหรัฐ/ตันช่วงปลายปีก่อน แต่ปรับลดลงจากช่วงเดือนต.ค.50 ที่ราคาตะกั่วอยู่ในระดับสูงถึง 4 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน
อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจพิจารณาปรับขึ้นราคาแบตเตอรี่ หากราคาตะกั่วปรับขึ้นมาอยู่ที่ 3.3 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน คาดว่าจะได้เห็นภายในปีนี้
นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ในนี้บริษัทยังวางแผนขยายร้านค้าย่อย"3K shop"ให้เป็น 300 แห่งจาก 200 แห่งในสิ้นปี 50 เพื่อกระจายสินค้าที่บริษัทมีแบตเตอรี่ 20-30 รุ่น เป็นการเพิ่มยอดขายและยังเป็นการขยายฐานลูกค้าด้วย รวมทั้งส่งเสริมการขยายส่วนแบ่งตลาดในต่างประเทศที่บริษัทมีอยู่แล้วให้มากขึ้น เช่น แถบตะวันออกกลาง แอฟริกา อินโดจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา รวมทั้งขยายตลาดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ บริษัทจะรักษาสัดส่วนยอดขายในประเทศและต่างประเทศระดับ 50:50 จากที่ผ่านมาตลาดในประเทศถือเป็นตลาดหลักของบริษัท แต่เนื่องจากบริษัทมองว่าตลาดต่างประเทศเป็นตลาดที่มีฐานลูกค้ากว้างแม้คู่แข่งจะมากขึ้น แม้มีการแข่งขันสูงแต่ก็เชื่อว่าสามารถแข่งขันได้
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--