นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า ในเดือน ต.ค.นี้ กบข.ได้จัดตั้ง ESG-Focused Portfolio มูลค่า 1 พันล้านบาท เพื่อลงทุนในหุ้นของ 33 กิจการที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกด้าน ESG ของ กบข. มุ่งหวังนักลงทุนสถาบันในประเทศยึดหลักการลงทุนอย่างรับผิดชอบเพื่อส่งเสริมให้ประเทศเกิดการพัฒนาในทุกมิติอย่างยั่งยืน และในปี 62 กบข.จะพิจารณาเพิ่มมูลค่าการลงทุนใน ESG-Focused Portfolio
สำหรับกิจการที่ผ่านมาเกณฑ์การคัดเลือก ESG ของ กบข. จะต้องเป็นกิจการที่อยุ่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์ (THSI) มีรายชื่ออยุ่ใน SET 100 และผ่านเกณฑ์ประเมินมาตรฐาน ESG ของกบข. ประกอบด้วย เกณฑ์เจตนารมณ์พื้นฐาน เกณฑ์การประกอบธุรกิจ เกณฑ์ความโปร่งใส และเกณฑ์การกำกับดูแลที่ดี ซึ่ง กบข.ให้ความสำคัญกับกิจการที่สมัครร่วมโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต (CAC)
ทั้งนี้ มองว่า การจัดตั้งพอร์ตดังกล่ว เป็นการลงทุนอย่างรับผิดชอบซึ่งนอกจากจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงด้านการเงินและการเสียชื่อเสียง พร้อมส่งเสริมสังคมให้ดำรงอยู่และเติบโตอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งในแผนงานสำคัญ ที่จะทำให้ กบข.บรรลุเป้าหมายการเป็นผู้นำและริเริ่มการลงทุนที่ส่งเสริม ESG พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนสถาบันให้ความสำคัญกับการลงทุนในกิจการที่มี ESG เช่นเดียวกัน
อนึ่ง ในช่วงที่ผ่านมา กบข. ได้จัดทำนโยบายการกำกับดูแลกิจการ ประกาศรับการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลการลงทุน (I Code) และแถลงความร่วมมือในการส่งเสริมการลงทุนในหุ้นยั่งยืนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และในปีนี้ กบข. จะจัดสัมมนาร่วมกับ World Bank, OECD และ PRI ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 หัวข้อ ESG Investing: Return Enhancing or Sacrificing? How to make it work? เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลสำคัญด้านการลงทุนอย่างยั่งยืน และจะร่วมมือกับ OECD จัดทำ ESG – Integrated Due Diligence Guideline สำหรับสินทรัพย์ที่ กบข. ลงทุนอยู่ในปัจจุบันและอนาคต
นายวิทัย กล่าวว่า เงินจัดตั้งกองทุนมูลค่า 1 พันล้านบาท มาจากเงินของกองทุนกบข.เอง ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์ ณ สิ้นเดือนก.ย.61 ราว 8.91 แสนล้านบาท ซึ่งการจัดตั้งกองทุนครั้งนี้ ถือว่าเป็นหนึ่งในพอร์ตหุ้นที่ลงทุนในประเทศไทยที่มีเงินลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท ส่วนที่เหลือกระจายตัวอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ ตราสารหนี้ และอสังหาริมทรัพย์ โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ภายในเดือนต.ค.61 ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อเนื่องจากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก เนื่องจากมองว่าจะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
"กบข.เป็นนักลงทุนสถาบัน philosophy เราเป็นการลงทุนระยะยาว เราอาจจะมีการซื้อขายบ้าง แต่เป็นการลงทุนระยะยาวเป็นหลัก วันนี้เราแถลงการจัดตั้งวันนี้ จะดำเนินการเข้าลงทุนภายในสิ้นเดือนนี้ อีก 4-5 วันนี้จะเข้าไปซื้อในตลาดเลย" นายวิทัย กล่าว
สำหรับในปี 62 กบข.มีแผนขยายขนาดกองทุนจากปีนี้ที่ 1 พันล้านบาท และขยายการลงทุนในธุรกิจ ESG สู่ต่างประเทศด้วย
"กบข.มีความตั้งใจมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการลงทุนธุรกิจเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และต้องการสร้างให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น ในการเปลี่ยนแปลงของนักลงทุนสถาบันที่มีความใส่ใจและให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบ ESG และโปรโมทสู่นักลงทุนรายอื่น"
นายวิทัย กล่าวต่อว่า ด้านภาพรวมของตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันดัชนีปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมากและรวดเร็ว หากนับจากจุดสูงสุดตั้งแต่ต้นปี 61 ปรับตัวลงมาแล้วกว่า 250-270 จุด คาดว่าเกิดจากปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกับสงครามการค้า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และความเปราะบางของเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่
อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่าเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในเกณฑ์ดี ซึ่งยังเห็นแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยที่ดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งการที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงเร็วและแรง มองว่าเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาส จากการที่มี downside หรือโอกาสปรับตัวลงต่อมีจำกัด เพราะฉะนั้นถือเป็นโอกาสที่จะเริ่มเข้าไปทยอยสะสมหุ้นได้
https://youtu.be/96vVM_29siY