ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กนลท.คาดเฟดลดดบ.อีก ดันดาวโจนส์ปิดบวก 27.31 จุด

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (7 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกเพื่อสกัดกั้นเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอย อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีวิตกก่อนที่บริษัทเอกชนจะเปิดเผยผลประกอบในเร็วๆนี้ และความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐและอิหร่าน
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดขยับขึ้น 27.31 จุด หรือ 0.21% แตะระดับ  12,827.49 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดเพิ่มขึ้น 4.55 จุด หรือ 0.32% แตะระดับ 1,416.18 จุด อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดดีดขึ้น 5.19 จุด หรือ 0.21% แตะระดับ 2,499.46 จุด
          ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 1.71 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 9 ต่อ 7 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.59  พันล้านหุ้น
          นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่า การประชุมเฟดครั้งต่อไปซึ่งจะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค.นี้นั้น คณะกรรมการเฟดจะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนธ.ค.และดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐอ่อนแอเกินคาดในเดือนธ.ค. ขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูแถลงการณ์ของนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ซึ่งจะมีขึ้นในวันพฤหัสบดีนี้
          "มุมมองที่เป็นบวกของนักลงทุนทำให้ดัชนีดาวโจนส์สามารถฟื้นตัวขึ้นจากช่วงเช้าได้ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังถูกปกคลุมด้วยความกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ของบริษัทเอกชนซึ่งจะเริ่มทะยอยเปิดเผยตั้งแต่วันพุธนี้ ซึ่งบริษัทแรกที่จะเปิดเผยผลประกอบการคือบริษัทอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ แต่คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูผลประกอบการในธุรกิจธนาคารมากเป็นพิเศษ เนื่องจากธุรกิจดังกล่าวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการณ์สินเชื่อ" นายแจ็ค เอบลิน นักวิเคราะห์จากแฮร์ริส ไพรเวท แบงค์ กล่าว
          นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน หลังจากรัฐบาลสหรัฐส่งเรือรบ 3 ลำออกไปประจำการที่ช่องแคบฮอร์มุซเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยช่องแคบฮอร์มุซเป็นช่องแคบที่ใช้เดินเรือขนส่งน้ำมันในตะวันออกกลาง
          ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐมีกำหนดเดินทางเยือนประเทศตะวันออกกลางเป็นเวลา 9 วัน โดยบุชกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงวอชิงตันว่า หนึ่งในเป้าหมายที่เขาเดินทางเยือนในครั้งนี้ก็คือการเตือนให้หลายประเทศรับรู้ว่าอิหร่านซึ่งครอบครองอาวุธนิวเคลียร์นั้น เป็นภัยอันตรายต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง 
          ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า การที่ประธานาธิบดีบุชเดินทางเยือนประเทศตะวันออกกลางนั้น มีเป้าหมายที่จะแทรกแซงความสัมพันธ์ของประเทศต่างๆในภูมิภาคแห่งนี้
          ทั้งนี้ หุ้นไทม์ วอร์เนอร์ ดิ่งลง 15.80% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะนำภาพยนตร์อัดลงแผ่น Blu-ray ของบริษัทโซนี่ แทนการอัดลงบนแผ่น HD DVD ของบริษัทโตชิบ้า
          ขณะที่หุ้นแนปส์เตอร์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการออนไลน์มิวสิค ดิ่งลง 2 เซนต์ ปิดที่ 1.97 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทประกาศว่าจะให้บริการดาวโหลดบนเครื่องเล่น MP3
          ส่วนหุ้นสตาร์บัคส์ปรับตัวขึ้น 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า นายโฮเวิร์ด ชูลทซ์  ประธานบริษัทจะรับตำแหน่งซีอีโอเพิ่ม และประกาศว่าจะให้ความสำคัญกับการขยายกิจการในต่างประเทศ