(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ลุ้นขึ้นตามภูมิภาค จับตาการเลือกตั้งสหรัฐฯ/เล็งแรงหนุน TFFIF เข้าเทรดวันแรก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 31, 2018 09:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะฟื้นตัวขึ้นหลังปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้ว แต่ตลาดฯก็ยังรอดูการเจรจาการค้าระหว่างผู้นำจีน และผู้นำสหรัฐฯในการประชุมนอกรอบ G20 ซึ่งผลการเจรจาจะดีหรือไม่ดี คงจะต้องผลการเลือกตั้งของสหรัฐฯในวันที่ 6 พ.ย.นี้ก่อนว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง

ทั้งนี้ ในส่วนของสงครามการค้าตอนนี้ก็เริ่มเห็นถึงผลกระทบบ้างแล้วทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว ส่วนบ้านเราก็ต้องรอดูตัวเลขส่งออกในเดือนต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร หลังเงินบาทอยู่ในทิศทางอ่อนค่าด้วย อย่างไรก็ดี ให้เลือกลงทุนหุ้นที่มีความเกี่ยวข้องกับนโยบายของภาครัฐฯ

นอกจากนี้ วันนี้กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) "TFFIF" จะเข้าเทรดในตลาดฯด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,630-1,625 จุด ส่วนแนวต้าน 1,645-1,655 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (30 ต.ค.61) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,874.64 จุด พุ่งขึ้น 431.72 จุด (+1.77%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,161.65 จุด เพิ่มขึ้น 111.36 จุด (+1.58%) และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,682.63 จุด เพิ่มขึ้น 41.38 จุด (+1.57%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 112.27 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.96 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 167.30 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 62.75 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 12.54 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 5.45 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 16.57 จุด, ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซีย เพิ่มขึ้น 28.39 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ต.ค.61) 1,638.51 จุด เพิ่มขึ้น 1.63 จุด (+0.10%)
  • นักลงทุนต่างชาติต่างชาติขายสุทธิ 1,332.92 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ต.ค.61
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (30 ต.ค.61) ปิดที่ 66.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.3%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ต.ค.61) ที่ 4.52 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.28 แนวโน้มอ่อนค่าจากแรงซื้อดอลล์ มองกรอบวันนี้ 33.20-33.35 จับตาข้อมูลศก.สำคัญ
  • นักวิเคราะห์ห่วงเงินบาท ผันผวนหนัก เผย 1 เดือนอ่อนค่าสุดในภูมิภาค ขณะ "หยวน" ทุบสถิติร่วงสุดรอบ 10 ปี ผวาสงครามการค้าลาม แนะจับตาทุนนอก ส่อไหลออกไทยหลังผิดหวังตัวเลขเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐฯเตรียมรีดภาษีจีนเพิ่ม กดค่าเงินตลาดเกิดใหม่อ่อนลง
  • ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนแรง แต่ตลาดหุ้นไทย ถือว่าปรับตัวลดลงน้อยกว่าตลาดหุ้นเกิดใหม่ เหตุเศรษฐกิจไทย กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตแข็งแกร่ง ชี้จังหวะดีสะสมหุ้นราคาถูก
  • ครม.อนุมัติเพิ่ม 4 โครงการใหญ่อีอีซี วงเงินอีกกว่า 4 แสนล้านบาท ยืนยันญี่ปุ่น-จีน ปักธงลงทุน
  • สศอ.เผยดัชนีเอ็มพีไอเดือน ก.ย.ลดลง 2.6% ครั้งแรกรอบ 16 เดือน จากส่งออกรถยนต์หดตัว ผลพวงทางอ้อมนักท่องเที่ยวจีน
  • ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดชี้อานิสงส์เลือกตั้ง-เศรษฐกิจไทยแกร่ง เพิ่มโอกาสปี 62 ประเทศไทยได้ปรับเรตติ้งประเทศเป็น A ถือเป็นครั้งแรกก่อนวิกฤต ต้มยำกุ้งปี 40 คาดจีดีพีปีนี้โต 4.3% เหตุกังวลนักท่องเที่ยวจีนลด จี้รัฐแก้ไขด่วน

*หุ้นเด่นวันนี้

  • TFFIF (กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (Thailand Future Fund) เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มบริการ หมวดธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ โดยเสนอขายหน่วยละ 10 บาท ทั้งนี้ TFFIF ลงทุนในสิทธิที่จะได้รับ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางหลังหักภาษีมูลค่าเพิ่มของทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์-วงแหวนรอบนอก) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ระยะทางรวม 83.2 กิโลเมตร เป็นระยะเวลา 30 ปี นับจากวันโอนสิทธิตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ (RTA) โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (EXAT) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคมยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินและเป็นผู้บริหารจัดการทางพิเศษดังกล่าว นอกจากนี้กระทรวงการคลังยังเข้าถือหน่วยลงทุนในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 10% เป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ
  • EPG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 9.6 บาท ราคาหุ้นลดลงกว่า 20% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่เปลี่ยน อีกทั้งปัจจุบันยังได้ผลบวกจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าและราคาน้ำมันดิบที่ลดลง เป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการใน Q3 ปี 61/62
  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 21 บาท คาดกำไรปกติ Q3/61 ทำ All Time High ที่ 345 ล้านบาท +38.1% Q-Q, +14.1% Y-Y จาก High Season, WMC ที่โตสูงจากผู้ป่วยต่างชาติ, รายได้ฝั่งประกันสังคมที่เพิ่มขึ้น, และอัตรากำไรที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยคาดกำไรทั้งปีนี้ +17% Y-Y อยู่ที่ 1,077 ล้านบาท และปีหน้า +15% Y-Yอยู่ที่ 1,240 ล้านบาท ด้าน NVDR ซื้อหุ้นเพิ่มในปีนี้ 62% Y-Y อยู่ที่ 203 ล้านหุ้น สูงสุดในรอบ 5 ปี ใกล้เคียงจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ 213 ล้านหุ้นในปี 2556

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ