บมจ.วีรันดา รีสอร์ท ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 105,318,328 หุ้น คิดเป็น 30.09% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน และขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยใช้เกณฑ์กำไร (Profit test) โดยมี บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ในการระดมทุนเพื่อใช้ในการขยายธุรกิจ และชำระคืนเงินกู้ยืมแก่สถาบันการเงิน รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทและบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจโรงแรม ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดพักอาศัย และธุรกิจร้านอาหาร ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 กลุ่มบริษัทมีโครงการโรงแรมทั้งหมด 6 แห่ง แบ่งเป็น โรงแรมที่เปิดดำเนินการ จำนวน 5 แห่ง และโครงการโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา จำนวน 1 แห่ง และมีโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่อยู่ระหว่างการขาย จำนวน 3 แห่ง โดยเป็นโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ จำนวน 2 แห่ง และโครงการอาคารชุดพักอาศัยที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จำนวน 1 แห่ง นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทยังมีการให้บริการร้านอาหาร รวมจำนวน 4 แห่ง
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจโรงแรม ประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ทที่เปิดดำเนินการ ได้แก่ โรงแรม วีรันดา รีสอร์ท หัวหิน, โรงแรม วีรันดา เชียงใหม่, เดอะ ไฮ รีสอร์ท, โรงแรม โซ โซฟิเทล แบงค็อก, โรงแรม วีรันดา รีสอร์ท พัทยา และโรงแรม ร็อคกี้ บูติค รีสอร์ท ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท HHP OKT VBP และ ISA และโรงแรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนา คือ โรงแรม เวอโซ หัวหิน
2.กลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประกอบด้วย โครงการอาคารชุดพักอาศัย ประเภท Low Rise และโครงการอาคารชุดพักอาศัย ประเภท High Rise และรูปแบบ Pool Villa ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท และ VBP โดยมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่และอยู่ระหว่างการขาย ได้แก่ โครงการ วีรันดา ไฮ เรสซิเดนซ์ เชียงใหม่, โครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ พัทยา และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและอยู่ระหว่างการขาย ได้แก่ โครงการ วีรันดา เรสซิเดนซ์ หัวหิน
3.กลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ประกอบด้วย ร้านอาหารภายใต้การดำเนินงานของบริษัท VBP และ VCS โดยเป็นร้านขายอาหาร ประเภทอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม "Skoop Beach Cafe" สาขาพัทยา, ร้านอาหาร ขนมหวาน และเครื่องดื่ม "Skoop Beach Cafe" สาขาหัวหิน, ร้านเครื่องดื่ม และขนมหวาน "KOF" สาขาสาทร และร้านเครื่องดื่ม และขนมหวาน "KOF" สาขาทองหล่อ
นอกจากนี้โครงการในอนาคต ในช่วงต้นปี 62 กลุ่มบริษัทมีแผนที่จะเปิดร้านอาหารและร้านเครื่องดื่ม จำนวน 2 สาขา ในรูปแบบร้านอาหารและเครื่องดื่มในบริเวณแหล่งชุมชนที่มีผู้คนสัญจรไปมามากในเขตกรุงเทพฯ 1 ร้าน โดยปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการออกแบบร้านอาหาร และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 6 ล้านบาท จากกระแสตอบรับที่ดีของร้าน KOF ทั้ง 2 สาขา บริษัทจึงมีแผนที่จะขยายร้านเครื่องดื่ม KOF เพิ่มอีก 1 สาขา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการออกแบบรูปแบบร้าน และคาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4 ล้านบาท
ณ วันที่ 5 ก.ย.61 บริษัทมีทุนจดทะเบียนจำนวน 1,750,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 350,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วจำนวน 1,223,408,360 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 244,681,672 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วทั้งสิ้น ไม่เกิน 1,750,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวนไม่เกิน 350,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ 5 ก.ย.61 คือ กลุ่มนายวีรวัฒน์ องค์วาสิฏฐ์ ถือหุ้นคิดเป็น 201,282,108 หุ้น คิดเป็น 82.26% หลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 57.51% และกลุ่มนายกิตติศักดิ์ สพโชคชัย ถือหุ้นคิดเป็น 21,493,560 หุ้น คิดเป็น 8.78% หลังเสนอขายหุ้น IPO ครั้งนี้จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 6.14%
ผลประกอบการของบริษัทในช่วงปี 58-60 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจำนวน 977.56 ล้านบาท 1,210.90 ล้านบาท และ 1,731.25 ล้านบาท ตามลำดับ ส่วนในปี 58-59 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 18.05 ล้านบาท 17.85 ล้านบาท ตามลำดับ และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิในปี 60 จำนวน 22.23 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไร (ขาดทุน) สุทธิเท่ากับ (1.85%), (1.47%) และ 1.28%
สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดมิ.ย.61 บริษัทมีรายได้รวม 1,352.22 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 1,118.65 ล้านบาท กำไรสุทธิ 144.68 ล้านบาท และมีสินทรัพย์รวม 4,878.48 ล้านบาท หนี้สินรวม 3,577.60 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 1,300.88 ล้านบาท
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท