"ชนะชัย"ไม่หวั่นเกมชิง EMC พร้อมเปิดทาง"ฉัตรสุดา"ร่วมบริหารงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 8, 2008 12:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายชนะชัย ลีนะบรรจง ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อีเอ็มซี(EMC)ขอปักหลักสู้ เป้าหมายคุมอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดในการดำเนินธุรกิจ หลังเก้าอี้สั่นสะเทือนอีกครั้งจากข่าวนักลงทุนรายใหญ่ส่งตัวแทนไล่เก็บหุ้นเปิดเกมชิงอำนาจบริหารงาน เชื่อหุ้นในมือรวมกับกลุ่มพันธมิตรยังมีอยู่ไม่น้อย เชื่อมือทีมงานสร้างผลกำไรบริษัทและผู้ถือหุ้น แต่ก็พร้อมเปิดทางให้"ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์"เข้าร่วมบริหาร 
*ข่าวคราวที่ว่ารายใหญ่กำลังกว้านซื้อหุ้น EMC เพราะต้องการอำนาจบริหารงาน
"ผมเพิ่งมาจากต่างประเทศ ก็งงอยู่ว่าอะไรไม่รู้ออกมาเต็มไปหมด แล้วก็ไม่เชื่อข่าวที่ลง ไม่รู้ใครนะที่เขียน ๆ กันว่า จะเข้ามาฮุบบริษัทหรืออะไรเนี่ย เพราะบริษัทก่อสร้างไม่ใช่บริษัทอะไรซึ่งนักลงทุนหรือใครที่จะเข้ามาเอาไปได้ เอาไปแล้วบริษัทมันเจ๊ง แล้วจะเอาไปทำไม เอาไปแล้วบริหารไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ แต่ว่าเราจะไปห้ามเขาได้ไหมในการเข้ามาซื้อหุ้น ตอบได้เลยว่าไม่ได้ เพราะเราเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ใครจะซื้อใครจะขายก็ได้ เพราะเป็นเรื่องของเขา แต่ว่าส่วนของผม ผมก็มีหุ้นของผม และพรรคพวกของผมอีกเยอะที่มีหุ้น "
*กังวลใจหรือไม่กับการเปิดเกมรุกของรายใหญ่ในครั้งนี้
"ที่สำคัญไม่ว่ารายใหญ่รายไหนจะเข้ามาซื้อยังไงก็ตาม รายใหญ่ทำกำไรให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ไหม เพราะจริง ๆ บริษัทฯก็มีผู้ถือหุ้นรายย่อยอีก แต่ผมสามารถทำกำไรจ่าย Dividend ให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้ ก็อยู่ที่ว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยก็ต้องเลือกคนที่ทำกำไรให้เขาได้ คนที่ทำกำไรให้บริษัทได้
เพราะฉะนั้นใครจะมายึดอะไรผมไม่กลัวหรอก ซึ่งผมทำงานผมก็เหนื่อย แล้วผมยังคิดอยู่เลยว่ามาเหนื่อยอย่างนี้เพื่ออะไร แต่ว่าโอเคนี่มันบริษัทก่อสร้าง แล้ว"ชนะชัย"ทำบริษัทก่อสร้างไม่รอด มันก็เสียความรู้สึกกับตัวเอง แค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นคนที่ไม่ใช่มีมือก่อสร้างอยากจะเข้ามาทำ มาฮุบ จะมาเอาไป แต่ไม่ง่ายหรอกที่จะเอาไป เพราะผมกับพันธมิตรของผมก็มีหุ้นอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน"
*จากรายงานล่าสุดที่"ฉัตรสุดา"เก็บหุ้นถึง 19.11% แล้ว
"ได้คุยกับคุณฉัตรสุดา(น.ส.ฉัตรสุดา เบ็ญจนิรัตน์ ล่าสุดถือหุ้น EMC 19.11%)ด้วยดีนะ แล้วไม่คิดว่าข่าวที่ออกมาว่าใครจะมาแย่งยังไง ผมก็ไม่คิด และไม่กลัวเหมือนกัน ช่วงหลังผมไม่ได้คุย ก็ไม่รู้ว่าเขาเข้ามาซื้อด้วยอะไร ก็อาจจะเป็นนักลงทุนก็เข้ามาลงทุน จริง ๆ เขาก็รู้ว่าผมทำก่อสร้างยังไง ทำกำไรให้ได้
ส่วนใครจะเก็บหุ้นยังไงก็ตาม ผมไม่มายด์ เอาเลยใครอยากเขามาบริหาร เอาสิ เอาเลย แต่เราก็ไม่เปิดทางให้ง่าย ๆ หรอก อันนี้เป็นอะไรซึ่งเราเหนื่อยกับมันมา แล้วผมพยายามทำกำไรให้กับบริษัท ไม่ใช่ว่าใส่เข้ากระเป๋าตัวเอง ผมต้องการให้บริษัทมันโต ผมก็ไม่ยอมให้ใครง่าย ๆ เหมือนกันหรอก
ถ้าเขาอยากได้ตำแหน่งกรรมการ อยากเข้ามาร่วมบริหาร เขาก็มีสิทธิที่จะขอ แต่ต้องอยู่ภายใต้ผมนะ ถึงแม้เขาจะถือหุ้นเยอะกว่า ขอสิทธิ์ให้ผมบริหารตามวิธีการของผม งานบริหารและสิทธิเด็ดขาดต้องอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่สามารถ make decision ได้ตามนโยบายของผม และสิ่งที่ผมเป็นมืออาชีพทางนี้ด้วย ผมก็ไม่อยู่หรอก จริงไหม"
*ระบบงานภายในองค์กรเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาอะไรกันหรือไม่
"ผมก็ได้วางองค์กร ผมมีมันสมอง มีองค์กร มีอะไรเข้ามาช่วยเยอะ การที่จะหามือดี ๆ มา run ธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งธุรกิจก่อสร้างมัน due กับเงินเยอะ วอลุ่มการก่อสร้างจะเยอะ ถ้าเราไม่มี resource ที่มีประสิทธิภาพ ซื่อสัตย์ ช่องทางร่วงไหลเยอะ ผมก็ได้ set ไว้เรียบร้อยแล้วและมีคนใช้ได้มีประสิทธิภาพ คนพวกนี้เขามาเพราะผม เขารู้ว่าผมเป็นไง ตั้งใจทำจริง ไม่ได้ทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเองด้วย แล้วผมทำเพื่อชื่อเสียง เขาก็ได้ชื่อเสียงไปด้วย
ตอนนี้บริษัทฯไม่ได้มีปัญหาอะไร ทุกอย่างมาด้วยดีแล้ว ได้มีการจัดระบบส่วนงานองค์กรได้ลงตัวหมดแล้ว เพราะ Asset หรือ Value ของบริษัทก่อสร้างมันอยู่ที่ procedure กับการควบคุมต้นทุน ถ้ามันดีแล้วงานใหม่ก็จะเข้ามาเรื่อย ๆ สมมติถ้ามีงานใหญ่เข้ามาแล้ว procedure หรือการลดต้นทุนมันไม่ดี ทำแล้วขาดทุนมันก็ไม่ดี แต่ตอนนี้ได้วางระบบการควบคุมต้นทุนและ procedure ไว้แน่นแล้ว
มีเพื่อน ๆ ได้เข้ามาช่วยกันทำงาน เป็นมือระดับอาวุโสในวงการวิศวกรทั้งหมด เพราะฉะนั้นบริษัทฯจะมีเครือข่ายค่อนข้างกว้าง และเพื่อน ๆ ได้เข้ามาคุมระบบงานเกือบหมดแล้ว จะทำอะไรก็จะง่ายขึ้น อาศัยที่มีองค์กรดี และมี Procedure ที่ดี ตรวจสอบกันได้
องค์กรชุดเดิม เขายังไม่มีผู้ถือหุ้นใหญ่ เขาก็ทำงานแบบสบาย ๆ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว เราก็ค่อย ๆ เปลี่ยนงานเขา เปลี่ยนบรรทัดฐาน การบริหารงาน จิตใต้สำนึกเขาว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งผมก็ต้องลงไปดูเอง ตอนนี้งานเริ่มเข้ามาเรื่อย ๆ และอีกอย่างบริษัทฯตอนนี้ระบบของพี่ก็เริ่มควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้น แล้วบริษัทฯรับงานได้เพิ่มมากขึ้นด้วย"
*แนวโน้มงานในอนาคคตเป็นอย่างไร
"ตอนนี้ก็มีงานในมือ(Backlog)อยู่ประมาณ 3,000 ล้านบาทแล้ว แล้วจะมีเข้ามาอีกเรื่อย ๆ เพราะว่าได้ยื่นเข้าประมูลงานกว่า 30 โครงการ มูลค่า 8,000-9,000 พันล้านบาท สมมติว่าได้มา 20% Backlog ของบริษัทฯก็จะเพิ่มขึ้นเหมือนกัน
และแนวโน้มที่ยื่นจริง ๆ แล้วควบคุมต้นทุนได้ดี ก็สามารถสู้แข่งขันในตลาดฯได้ บริษัทรับเหมาก่อสร้างไม่ค่อยกลัวเท่าไร แต่ถ้าเป็นพวกการเงินอาจจะสู้เขาไม่ได้ เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องการเงินเท่าไร แต่ผมก็หามือดีมาช่วยด้านนี้เหมือนกัน"

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ