SMART เผยขาดทุนลดลงใน Q3/61 ตามแผนขยายช่องทางขาย-ราคาขายสูงขึ้น มองตลาดอิฐมวลเบาดีต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายของปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 5, 2018 11:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.สมาร์ทคอนกรีต (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้างและงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/61 มีทิศทางที่ดีขึ้นมีผลขาดทุนลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวม 92.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีขาดทุนสุทธิ 1.79 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 13.66 ล้านบาท

ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือน มีรายได้รวม 267.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.47% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีขาดทุนสุทธิ 20.2 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีขาดทุนสุทธิ 61.92 ล้านบาท

สาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นอย่างมาก เนื่องจากปริมาณการใช้งานวัสดุอิฐมวลเบาของโครงการเมกะโปรเจ็คต์ภาครัฐ โครงการก่อสร้างภาคเอกชน และราคาจำหน่ายอิฐมวลเบามีการปรับตัวเพิ่มขึ้น อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายในทุกช่องทาง อาทิ โมเดิร์นเทรด ห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง เพิ่มตัวแทนจำหน่าย ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง จึงสามารถกระจายสินค้าเข้าสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้น

"ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศ มีทิศทางที่ดีอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ EEC ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน โครงการเมกะโปรเจ็คต์ขนาดใหญ่ของภาครัฐ อาทิ งานก่อสร้างอาคารสถานีรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทยอยลงทุนในโครงการใหม่มากขึ้น ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบา ปรับตัวดีขึ้นและ SMART ยังคงเดินหน้าทำการตลาดเชิงรุก แนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก ผลักดันสินค้าผ่านช่องทางการจำหน่ายให้หลากหลายมากขึ้น และมีการขยายฐานลูกค้าทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง"นายรังสี กล่าว

นอกจากนี้บริษัทยังมุ่งเน้นการใช้กลยุทธ์ O2O (Online to Offline ) เพื่อกระตุ้นการสร้างยอดขายให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างการรับรู้กับลูกค้าในวงกว้าง ผ่านสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่ม บล็อกมวลเบาตกแต่ง อีกทั้งได้มีการจัดกิจกรรมการตลาดเพื่อแนะนำผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีกระแสตอบรับที่ดี และมีคำสั่งซื้อจากโครงการในภาคตะวันออก กลุ่มลูกค้าสถาปนิก และผู้รับเหมารายย่อยมากขึ้น ส่งผลให้สัดส่วนรายได้ในปัจจุบัน งานภาคเอกชน 70 % งานภาครัฐ 28% และต่างประเทศ 2 %

ส่วนตลาดในกลุ่มประเทศ AEC ยังทรงตัว อย่างไรก็ตามบริษัทยังคงเดินหน้ารุกตลาดในประเทศสปป.ลาว โดยมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆมากขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้งานในสปป.ลาว มีการขยายตัวค่อนข้างมาก ปัจจุบันมีออร์เดอร์สินค้าเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดในประเทศกัมพูชา ยังเติบโตดีมีปริมาณคำสั่งซื้อต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ