นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) หรือ TFEX เปิดเผยว่า TFEX เปิดซื้อขาย Gold Online Futures สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงทองคำความบริสุทธิ์ 99.5% ซึ่งถูกออกแบบให้มีราคาเสนอซื้อขายเคลื่อนไหวตามราคาทองคำในตลาดโลก และไม่มีผลกระทบจากค่าเงินในการคำนวณกำไรขาดทุน เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนสามารถติดตาม วิเคราะห์ราคา และซื้อขายได้ง่ายขึ้น เริ่มซื้อขาย 5 พ.ย. 61
Gold Online Futures นี้ จะไม่มีการส่งมอบทองคำจริง แต่ใช้การชำระราคาเป็นเงินสด (Cash Settlement) และมีตัวคูณราคา (Multiplier) คือ 300 เท่าของราคาซื้อขาย โดยไม่นำอัตราแลกเปลี่ยนมาใช้ในการคำนวณ ทั้งนี้ ผู้ลงทุนสามารถซื้อขาย Gold Online Futures ได้ถึงเวลา 23.55 น. และใช้กลไกเดียวกับการซื้อขาย Futures อื่น ๆ ใน TFEX โดยหลักประกันที่ผู้ลงทุนต้องวางก่อนการซื้อขายคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3-5% ของมูลค่าสัญญา ใกล้เคียงกับ Gold Futures
"TFEX เชื่อมั่นว่า Gold Online Futures จะได้รับความสนใจจากผู้ลงทุน และจะเป็นอีกทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อขายเพื่อสร้างโอกาสทำกำไรตามการเคลื่อนไหวของราคาทองโลก แต่ไม่ต้องการรับทองคำจริง ซึ่งผู้ลงทุนมั่นใจได้กับระบบงานและการกำกับดูแลที่โปร่งใส มีมาตรฐาน" นางสาวรินใจ กล่าว
นางสาวรินใจ คาดว่า การซื้อขายสินค้า Gold Online Futures ซึ่งเป็นสินค้าใหม่จะได้รับนิยมมากขึ้นในอนาคต ซึ่งได้ออกแบบมาเพื่อแก้ไขปัญหา และตอบโจทย์นักลงทุนให้สามารถซื้อขายตามราคาทองคำในตลาดโลกได้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นในอนาคต เพราะซื้อขายได้ง่าย
ในขณะเดียวกันสินค้าดังกล่าวมีมาร์เก็ตแมกเกอร์ช่วยหนุนสภาพคล่องทั้งหมด 4 รายได้แก่ บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด , บริษัทหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด, บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด และบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
ทั้งนี้คาดว่าในปี 62 จะเริ่มส่งมอบทองคำได้ทุกวันจากเดิมส่งมอบแค่ช่วงหมดสัญญา โดยขอดูผลตอบรับสินค้าใหม่อย่าง Gold Online Futures ก่อน โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างพูดคุยกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)
ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่า สินค้าใหม่ Gold Online Futures จะช่วยสนับสนุนให้นักลงทุนหันมาเก็งกำไรในประเทศมากขึ้นแทนการออกไปเก็งกำไรในตลาดต่างประเทศ โดยมองกรอบราคาทองคำในปีนี้ให้แนวรับที่ 1,205 ดอลลาร์/ออนซ์ และมีแนวต้านที่ 1,245 ดอลลาร์/ออนซ์ , 1,275 ดอลลาร์/ออนซ์ ,1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองในประเทศประเมินกรอบไว้ที่ 18,500-19,500 บาท ซึ่งปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามคือผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พ.ย. นี้ ซึ่งหากผลคะแนนเสียงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังมา จะส่งผลให้ราคาทองคำทรงตัว อย่างไรก็ตามหากคะแนนตก จะสนับสนุนให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นแรง
ส่วนนายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม ฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยว่า ราคาทองคำในช่วงนี้มีโอกาสผันผวนจากการรอผลเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ และมองว่าเป็นจังหวะดีสำหรับเข้าลงทุนในช่วงนี้ เพราะในช่วงเดือน ธ.ค. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง ซึ่งปัจจุบันทิศทางการจ้างงาน ว่างงาน ค่าแรง ในสหรัฐฯ ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ยิ่งเป็นปัจจัยผลักดันให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ หนุนราคาทองคำเพิ่มขึ้นในอนาคต
นายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ ประธานกลุ่มบริษัท MTS GOLD แม่ทองสุก เปิดเผยว่า ระยะสั้นทยอยเข้าซื้อสะสมในกรอบ 1,220-1,240 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนกรอบการเคลื่อนไหวทั้งปีให้แนวรับที่ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ แนวต้าน 1,255 และ 1,300 ดอลลาร์/ออนซ์ ทั้งนี้ มองว่าปัญหาหาสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หากสามารถตกลงได้จะเป็นข่าวดีช่วยหนุนสินทรัพย์ทองคำอีกทาง เพราะก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากแล้ว ซึ่งเม็ดเงินการลงทุนดังกล่าวน่าจะไหลเข้ามาในสินทรัพย์ทองคำที่ยังปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าได้