นายวิชัย ชุณหสมบูรณ์ ผู้จัดการฝ่ายการเงินและการคลัง บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) คาดผลประกอบการไตรมาส 4/61 จะดีกว่าช่วงไตรมาส 3/61 เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น หลังในไตรมาสที่ผ่านมาได้หยุดซ่อมบำรุงหน่วยหอกลั่นน้ามันดิบ (CDU) และหน่วยกลั่นสุญญากาศ (VDU) ราว 15 วัน ขณะเดียวกันคาดว่าค่าการกลั่น (GRM) จากนี้จนถึงสิ้นปีจะยังอยู่ในกรอบ 6-8 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 6.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบจะเคลื่อนไหวเฉลี่ยอยู่ในกรอบ 60-80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นไปตามที่ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ซึ่งยังเป็นผู้ควบคุมกำลังการผลิตให้เหมาะสมเพื่อให้ราคาน้ำมันอยู่ในกรอบที่ต้องการ
สำหรับการใช้กำลังการกลั่นปีนี้บริษัทยังคงใช้ได้เต็มประสิทธิภาพที่ 1.65 แสนบาร์เรล/วัน โดยผลผลิตน้ำมันสำเร็จรูปส่วนใหญ่ขายในประเทศ ขณะที่มีการส่งออกราว 15% เป็นน้ำมันเตาและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ส่วนการขายในประเทศจะจำหน่ายตามสัญญาระยะยาวให้กับ บมจ.ปตท. (PTT) ราว 40% และอีกราว 60% จำหน่ายให้กับกลุ่มเชฟรอน ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทและผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกในนามของสถานีบริการคาลเท็กซ์
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่อีกครั้งในช่วงเดือน พ.ย. 62 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 50 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นไปตามที่กำหนดให้มีการซ่อมบำรุงใหญ่ทุก 5 ปี ซึ่งครั้งก่อนหน้านี้เกิดขึ้นเมื่อปี 57 ใช้เวลา 38 วัน แต่การหยุดซ่อมบำรุงครั้งใหม่นี้คาดว่าจะใช้เวลาน้อยกว่านั้น
นอกจากนี้ ในระหว่างการหยุดซ่อมบำรุงครั้งนี้ยังจะมีการเชื่อมต่อการขยายกำลังการกลั่นของหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ จากปัจจุบันที่มีกำลังการกลั่น 1.65 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 1.75 แสนบาร์เรล/วันด้วย ซึ่งใช้เงินลงทุนราว 80 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยคาดว่าจะสามารถกลั่นน้ำมันในระดับใหม่ดังกล่าวได้ในช่วงต้นปี 63 ซึ่งมีผลตอบแทนจากเงินลงทุนอยู่ที่ 25% สูงกว่าปกติที่ 17% และคาดว่าจะสามารถถึงจุดคุ้มทุนได้ในระยะเวลา 4 ปี โดยคิดจากค่าการกลั่นที่ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล