NER ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 2.22 บาท ต่ำกว่าราคาขาย IPO 13.95%

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 7, 2018 12:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น NER ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 2.22 บาท ลดลง 0.36 บาท (-13.95%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.58 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 900.41 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 2.22 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.38 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.12 บาท

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) กล่าวว่า ราคาหุ้น NER ปรับลดลงในวันนี้เป็นไปตามกลไกตลาด และมีปัจจัยภายนอกเข้ามากดดันภาพรวมตลาดหุ้นไทย แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าราคาหุ้น NER ถือว่าได้เปรียบบริษัทจดทะเบียนอื่นๆ เนื่องจากราคาปัจจุบันอยู่ที่ P/E เพียง 9.96 เท่า ต่ำกว่าบริษัทจดทะเบียนอื่นที่อยู่ในอุตสาหกรรรมเดียวกัน

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3-ไตรมาส 4 ปี 61 จะเติบโตได้อย่างโดดเด่น โดยในช่วงที่ผ่านมาระหว่างที่ NER เตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ก็ได้รับลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ช่วยสนับสนุนผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีมีการเติบโตได้ดีมาก ด้านนายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NER เปิดเผยว่า ไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคา IPO แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นผลมาจากภาพรวมตลาดหุ้นไทยที่ยังคงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก แต่อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

"ผมยืนยันว่าจะไม่ทิ้งหุ้นผมแน่นอน ซึ่งวันนี้อาจจะได้รับปัจจัยภายนอก และปัจจัยของภาพรวมตลาดหุ้นเข้ามากดดัน แต่อย่างไรก็ตามเรายังคงมั่นใจพื้นฐานของบริษัทที่ดี และเราในช่วงที่เหลือของปีนี้ผลประกอบการจะออกมาเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง"นายชูวิทย์ กล่าว

ทั้งนี้ รายได้ในปี 61 จะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้ 9,876.56 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีคำสั่งซื้อในมือจะที่ทยอยส่งมอบอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ และยังมีการเจรจาลูกค้ารายใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย นอกจากนี้ยังเชื่อว่าสงครามทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐจะเป็นผลดีที่เข้ามาสนับสนุนบริษัทมากกว่าผลเสีย เนื่องจากผู้ผลิตจากประเทศจีนได้ย้ายฐานการผลิตมายังประเทศไทยมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

พร้อมกันนั้น บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตเท่าตัวหลังแผนการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น 100% เป็น 4.6 แสนต้นแล้วเสร็จภายในปี 63 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิต 2.3 แสนตัน/ปี ขณะที่บริษัทเน้นการสร้างเสถียรภาพของผลการดำเนินงานไม่ให้ผันผวนตามธรรมชาติของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ด้วยการซื้อสินค้าจริงมาทำมาผลิตเพื่อส่งมอบตามคำสั่งซื้อ ไม่มีนโยบายเก็งกำไรจากสต็อก พร้อมทั้งรักษาสมดุลของฐานลูกค้าเพื่อบริหารความเสี่ยง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ