ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กวิตกศก.สหรัฐ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 238.42 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 9, 2008 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจปล่อยกู้จำนอง อาทิ บริษัทคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล เท่านั้น แต่ผลกระทบยังลุกลามไปถึงธุรกิจประเภทอื่นๆ อาทิ บริษัทเอทีแอนด์ที ด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 238.42 จุด หรือ 1.86% แตะระดับ 12,589.07 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 25.99 จุด หรือ 1.84% แตะระดับ 1,390.19 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วงลง 58.95 จุด หรือ 2.36% แตะที่ 2,440.51 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 4.62 พันล้านหุ้น เพิ่มขึ้นจากระดับ 4.10 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1
นักลงทุนบางกลุ่มพยายามส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนตลาด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานปัจจัยลบที่เข้ามาเป็นระลอก อาทิ ความกังวลที่ว่าผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทเอกชนซึ่งจะเริ่มมีการเปิดเผยในช่วงปลายสัปดาห์นี้นั้น จะอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากรางานของสมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐที่ระบุว่า ยอดขายบ้านในเดือนพ.ย.ร่วงลง 2.6% ซึ่งลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และความกังวลเกี่ยวกับผลกำไรของบริษัทคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล และบริษัทเคบีโฮม รวมทั้งการที่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐยอมรับว่า สหรัฐกำลังเผชิญปัญหาด้านเศรษฐกิจ
นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวในที่ประชุมสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่นิวยอร์กว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐ
"รัฐบาลสหรัฐยังไม่มีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การทำงานโดยยึดข้อมูลตามสถานการณ์ปัจจุบันควบคู่ไปกับการใช้นโยบายที่เหมาะสม เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการประกาศใช้มาตรการฉุกเฉิน ผมขอย้ำว่าขณะนี้สหรัฐยังไม่มีการใช้มาตรการใดๆมากไปกว่าที่เคยใช้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว"
"ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนในช่วงนี้ยังคงทำให้นักลงทุนมีท่าทีระมัดระวังเรื่องการระดมทุนใหม่ๆในตลาดปล่อยกู้จำนอง จนกว่าพวกเขาจะมั่นใจว่าตลาดเริ่มมีเสถียรภาพ ผมคาดว่านักลงทุนและกลุ่มผู้ซื้อยังไม่ให้ความสนใจที่จะเข้าลงทุนที่เกี่ยวข้องกับตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์)" รมว.คลังสหรัฐกล่าว
นายโจเซฟ แบททิพาเกลีย นักวิเคราะห์จากบริษัทไรอัน เบค แอนด์ โค กล่าวว่า "นักลงทุนจำนวนมากคาดการณ์ว่าบริษัทคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล อาจจำเป็นต้องยื่นขอล้มละลาย แต่ผู้บริหารของคันทรีไวด์ได้ออกมาปฏิเสธกระแสคาดกาณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหารของบริษัทเอทีแอนด์ทีกล่าวในที่ประชุมว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐกำลังส่งผลกระทบต่อธุรกิจที่เกี่ยวกับผู้บริโภคของบริษัท ส่งผลให้หุ้นเอทีแอนด์ทีซึ่งเป็นบริษัทโทรศัพท์ที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 4.8%"
"ความกังวลที่ว่าภาวะซบเซาของเศรษฐกิจสหรัฐกำลังส่งผลกระทบไปยังธุรกิจประเภทอื่นๆนอกเหนือธุรกิจปล่อยกู้จำนองนั้น ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในการประชุมระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค.นี้ หลังจากที่เฟดปรับลดลงไปแล้วหลายครั้ง" นายแบททิพาเกลียกล่าว
ทั้งนี้ หุ้นคันทรีไวด์ปิดร่วงลง 17.2% หุ้นเคบีโฮมปิดลดลง 9.2% และหุ้นเอทีแอนด์ทีปิดปรับตัวลง 4.6%
ส่วนหุ้นแบร์สเติร์นส์ปิดร่วงลง 6.7% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า นายเจมส์ เคย์น ซีอีโอของแบร์สเติร์นส์เตรียมลาออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของแบร์สเติร์นส์ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ