บล.ทิสโก้ คาดดัชนี SET พ.ย.-ธ.ค.เป็นขาขึ้นส่วนระยะยาวจับตาหลังเลือกตั้ง แต่หากไม่ทะลุ 1,780 มีโอกาสลงยาว 2-3 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 8, 2018 14:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิวัฒน์ เตชะพูลผล รองกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ทางเทคนิค บล.ทิสโก้ กล่าวถึงภาพรวมตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา TISCO Monthly Guru Updates ว่า หากวิเคราะห์ในเชิงเทคนิค บล.ทิสโก้ประเมินว่าดัชนีหุ้นไทยในช่วงเดือน พ.ย.ถึง ธ.ค.61 จะอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยคาดว่าดัชนีจะปรับขึ้นไปทดสอบที่บริเวณ 1,730 - 1,750 จุด โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเม็ดเงินในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่จะไหลเข้ามาเพิ่มอีกประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมีปัจจัยบวกจากความชัดเจนเรื่องวันเลือกตั้ง การเร่งรัดประมูลโครงการโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐบาล ขณะเดียวกันยังเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนไทยทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/61 ส่วนแนวรับคาดว่าจะไม่หลุดกรอบที่ 1,630 จุด

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือน ต.ค.61 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงแรงมากจึงประเมินว่าในเดือน พ.ย.นี้น่าจะเป็นจังหวะของการรีบาวด์ ดังนั้น จึงเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าช้อนซื้อหุ้นไทยที่มีพื้นฐานดี ราคาถูก รวมถึงเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนของภาครัฐบาล โดยหุ้นเด่นประจำเดือนพฤศจิกายน คือ BBL, MTC, NYT, ROJNA, SEAFCO, STEC, TPCH, และ TPIPP ซึ่งบล.ทิสโก้คาดหวังอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยต่อหุ้นไว้ที่ประมาณ 8.0%

นายวิวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับภาพการลงทุนระยะกลางถึงระยะยาวนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ว่าการปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมาเป็นเพียงการปรับฐานเพื่อขึ้นต่อ หรือเป็นการส่งสัญญาณว่าหุ้นไทยเข้าสู่ขาลงครั้งใหญ่ ซึ่งหากเป็นเหตุผลหลังนั้น ประเมินว่าอาจจะกินเวลาต่อเนื่องตลอด 2-3 ปีนับจากนี้

"ต้องจับตาดูในเดือน มี.ค.62 ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศไทยมีข่าวดีพร้อมกัน นั่นคือ มีการเลือกตั้ง และเป็นจังหวะที่บริษัทต่างๆ ทยอยจ่ายปันผล (Dividend & Pre Election Rally) ว่าดัชนีหุ้นไทยจะสามารถยืนเหนือ 1,780 จุดได้หรือไม่ โดยในทางเทคนิคหากดัชนีไปยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ หุ้นไทยจะไปต่อที่ 1,850-1,900 จุด กรณีที่ยืนไม่ได้หรือไม่ทะลุ 1,780 จุด หุ้นไทยจะเข้าสู่ขาลงครั้งใหญ่ และจะเป็นขาลงต่อเนื่องยาวนานไปอีก 2-3 ปี โดยมีแนวรับแรกที่ 1,600 จุด และในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 จะมีโอกาสหลุดแนวรับดังกล่าวไปทำแนวรับใหม่ที่ 1,400 จุด เพราะข่าวดีเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ การอนุมัติโครงการต่างๆ ได้ดำเนินการไปในช่วงก่อนการเลือกตั้งแล้ว" นายวิวัฒน์กล่าว

นอกจากนี้ ในปี 62 ยังมีปัจจัยกดดันหุ้นไทยประเด็นเรื่องเม็ดเงินจาก LTF อาจจะไหลเข้าซื้อหุ้นไทยเป็นปีสุดท้าย แม้นักลงทุนบางส่วนยังไม่สามารถขายหุ้นออกมาได้เพราะติดเงื่อนไขต้องถือกองทุนรวม LTF ให้ครบ 5 ปีปฏิทินและ 7 ปีปฏิทิน แต่สำหรับนักลงทุนที่ถือกองทุนรวม LTF ครบ 5 ปีปฏิทินแล้วประเมินว่าหลังจากนี้นักลงทุนกลุ่มนี้จะมีความตั้งใจขายหุ้นมากขึ้น ดังนั้น ในปี 62 อาจได้เห็นแรงขายจากนักลงทุนสถาบันในประเทศซึ่งที่ผ่านมานักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องมาตลอด 5 ปี สำหรับปัจจัยบวกที่ช่วยหนุนหุ้นไทยในปี 62 คือ การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศ การจ่ายปันผลของบริษัทจดทะเบียน และฐานราคาหุ้นที่ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับในอดีต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ