นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บมจ. ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น (SUPER) ปฏิเสธกระแสข่าวขายที่ดินใน จ.เชียงใหม่ เพื่อนำเงินมาซื้อหุ้น SUPER เพิ่มจากนายประเดช กิตติอิสรานนท์ อดีตผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SUPER เนื่องจากขายที่ดินดังกล่าวเป็นสินทรัพย์ของ บมจ.เอเวอร์แลนด์ (EVER) ที่มีตนเองถือหุ้นใหญ่อยู่ 12.02% ไม่ใช่สินทรัพย์ส่วนตัว และไม่เกี่ยวข้องกับ SUPER แต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม นายจอมทรัพย์ ยืมว่ายังมีความตั้งใจที่จะซื้อหุ้น SUPER เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยมีความต้องการซื้อเพิ่มอีกประมาณ 4-5% แต่ในขณะนี้ยังไม่มีเป้าหมายว่าจะเข้าซื้อเมื่อใด จากก่อนหน้านี้ตนเองได้ทำรายการซื้อหุ้นไปแล้วในจำนวน 10% ทำให้ปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ที่ 19% และเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่
"ส่วนตัวก็อยากได้เพิ่มอีก 4-5% แต่ตอนนี้ยังไม่มีทุน ต้องไปหาทุนก่อน ส่วนข่าวที่ว่าไปขายที่ดินเพื่อนำเงินไปซื้อหุ้นเพิ่มนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งน่าจะมาจากฝั่งของเอเวอร์แลนด์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ SUPER"นายจอมทรัพย์ กล่าว
สำรหับผลการดำเนินงานของ SUPER ในปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโต 5-10% เป็นไปตามการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้า ซึ่งในเดือน พ.ย.และธ.ค.นี้ ก็จะมีการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สหกรณ์ภาคการเกษตร เฟส 2 กำลังการผลิต 28 เมกะวัตต์ รวมทั้งสิ้น 6 โครงการ เข้ามาเพิ่มเติมอีก จากปัจจุบันที่มีการ COD แล้วจำนวน 760 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปีนี้จะมีการ COD เพิ่มเป็น 788 เมกะวัตต์
ขณะที่ในปี 62 บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จาก COD โรงไฟฟ้าในเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 282 เมกะวัตต์ ส่วนในประเทศไทยก็จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าขยะที่ จ.พิจิตรและหนองคาย กำลังการผลิตรวม 18 เมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้ผลการดำเนินงานในปีหน้าน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปีนี้ โดยคาดสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 20-25% จากปีนี้ที่ยังไม่มีเข้ามา
ส่วนแผนการลงทุนโรงไฟฟ้ารูปแบบใหม่ บริษัทนี้ยังไม่มีนโยบายในการลงทุนโรงไฟฟ้าในรูปแบบอื่นในขณะนี้ โดยยังคงมุ่งเน้นการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าขยะ ซึ่งจะคอยติดตามนโยบายจากทางภาครัฐอย่างใกล้ชิด โดยหากภาครัฐไม่ได้มีการสนับสนุนเพิ่มเติม ก็จะมุ่งเน้นลงทุนในต่างประเทศแทน โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม