BCP เผยกำไร Q3/61 เพิ่มขึ้น 75% จากงวดปีก่อน หลังกลั่นน้ำมันนิวไฮ-ค่าการกลั่นสูง, กำไรขายสินทรัพย์ของธุรกิจไฟฟ้าหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 9, 2018 10:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/61 มีกำไรสุทธิ 1,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 75 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 84 จากไตรมาสก่อน ขณะที่มีรายได้จากการขายและการให้บริการ 53,461 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 37 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 4,160 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 จากช่วงเดียวกันของงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 24 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีอัตราการผลิตระดับสูงและค่าการกลั่นที่ดี และธุรกิจพลังงานไฟฟ้ารับรู้กำไรจากการขายสินทรัพย์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน

ด้านกลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน มี EBITDA รวม 2,142 ล้านบาท มีปริมาณการผลิตเฉลี่ยทั้งไตรมาสอยู่ที่ 118,820 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 99 ของกำลังการผลิตรวม ซึ่งเป็นสถิติอัตรากำลังการผลิตเฉลี่ยรายไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีค่าการกลั่นพื้นฐาน 7.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มีค่าการกลั่นรวม 8.05 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยค่าการกลั่นรวม (Total GRM) เท่ากับ 2,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากค่าการกลั่นพื้นฐาน (Market GRM) เป็นผลจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างมากหลังจากช่วงการหยุดซ่อมบำรุงประจำปี ประกอบกับต้นทุนน้ำมันดิบได้รับประโยชน์จากส่วนต่างราคาน้ำมันดิบเบรนท์กับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยที่ลดลง ในไตรมาสนี้มี Inventory Gain 241 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น แต่มีรายการขาดทุนจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้า 78 ล้านบาท

กลุ่มธุรกิจการตลาด มี EBITDA 468 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายรวม 1,451 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีส่วนแบ่งการตลาดผ่านสถานีบริการเป็นอันดับ 2 ส่วนแบ่งการตลาด ในเดือนกรกฎาคมและสิงหาคม 2561 อยู่ที่ร้อยละ 16 ส่วนจำนวนสถานีบริการ ณ สิ้นเดือนกันยายน 2561 มีจำนวน 1,154 สาขา พร้อมเปิดตัวสถานีบริการรูปแบบทันสมัยที่ใช้ตู้จ่ายแบบแขวนระบบดิจิตอล บนถนนสุขุมวิท ซอย 62 เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมนวัตกรรมใหม่ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ศรีนครินทร์ ที่ติดตั้งระบบบริหารจัดการพลังงานชุมชนสีเขียว Green Community Energy Management System หรือ GEMS เพื่อริเริ่มโครงการนำร่องประมูลซื้อไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี Blockchain ในระบบผลิตไฟฟ้าแบบไม่เชื่อมต่อกับสายส่งการไฟฟ้า (Smart Isolated Microgrid) เพื่อให้อาคารและร้านค้าที่อยู่ในพื้นที่สามารถซื้อ-ขายเพื่อใช้ไฟฟ้าในต้นทุนที่ต่ำได้ปริมาณมากที่สุด

กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า มี EBITDA 1,542 ล้านบาท มีรายได้จากการขายและให้บริการ 830 ล้านบาท และมีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มีปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้ารวมลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยค่าความเข้มแสงเฉลี่ยของโครงการทั้งในและต่างประเทศปรับลดลง จากปริมาณเมฆและฝนตกมากขึ้น ในไตรมาสนี้รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม 114 ล้านบาท แบ่งเป็น ส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ 21 ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ 93 ล้านบาท นอกจากนี้ มีการรับรู้กำไรจำนวน 795 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินทรัพย์โครงการโซลาร์ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ มี EBITDA รวม 149 ล้านบาท แบ่งเป็นธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล 111 ล้านบาท และธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล 65 ล้านบาท โดยธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลมีรายได้ 1,460 ล้านบาท มีอัตราการผลิตเฉลี่ยที่ 681,000 ลิตรต่อวัน มีสัดส่วนการผสม B100 ในน้ำมันดีเซลร้อยละ 7 ตลอดไตรมาส กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จากต้นทุนน้ำมันปาล์มดิบปรับลดลงมากกว่าราคาผลิตภัณฑ์ B100 ที่ปรับลดลง ในส่วนของธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอล มีรายได้ 1,156 ล้านบาท มีปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของ บมจ.เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น โดยมีปริมาณการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังเฉลี่ย 129,000 ลิตรต่อวัน และปริมาณการผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล 333,000 ลิตรต่อวัน แต่ในส่วนของกำไรขั้นต้นได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่ปรับเพิ่มขึ้น

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ธุรกิจสำรวจและผลิตมีรายได้ลดลงจากปริมาณการจำหน่ายที่ลดลง เนื่องจากกลุ่มบริษัทได้ขายหุ้นใน Nido Production (Galoc) Pty. Ltd. ซึ่งเป็นผู้ถือครองแหล่งน้ำมันดิบ Galoc อยู่ร้อยละ 55.8 ซึ่งรายการซื้อขายหุ้นและการชำระดังกล่าวได้แล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปีนี้ ทำให้มีการรับรู้กำไรจากการต่อรองประมาณการเงินทุนหมุนเวียนจำนวน 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นประมาณ 42 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ