โบรกฯมองกลุ่มโรงแรมรับผลดีปัญหาบ้านเมืองคลี่คลาย ธุรกิจ-ท่องเที่ยวฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 9, 2008 11:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          โบรกเกอร์เชื่อว่าสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมโดยรวมปี 51 จะดีกว่าก่อน โอกาสของธุรกิจนี้น่าจะกลับมาหลังจากที่มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นนำไปสู่ความชัดเจนในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับด้านเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว ยิ่งเหตุการณ์ความรุนแรงทั้งเรื่องระเบิดและเครื่องบินตกซาลงด้วยแล้วคาดว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรม แนะหุ้นเด่น MINT, ERAWAN
นับจากเหตุการณ์เครื่องบินของสายการบินวันทูโกไถลออกนอกรันเวย์สนามบินภูเก็ตเมื่อ 16 ก.ย.50 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตเกือบ 89 รายในจำนวนนี้เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 55 ราย เรียกได้ว่าเป็นโศกนาฏกรรมใหญ่อีกครั้งของการเดินทาง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยซบเซาไปพักใหญ่ คนเริ่มไม่มั่นใจสายการบินต้นทุนต่ำว่ามีการนำเครื่องบินเก่าสภาพไม่พร้อมมาให้บริการหรือไม่ จนทุกสายการบินต้องเร่งปรับปรุงคุณภาพบริการ แต่เมื่อมีการแถลงสาเหตุว่ามาจากสภาพอากาศ จึงช่วยดึงความเชื่อมั่นกลับมาได้ และมีจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่จะมาฉลองปีใหม่ในประเทศไทย
นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยบวกที่จะสนับสนุนให้อุตสาหกรรมนี้ คือ ประเด็นการเมืองที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และ เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วจะนำมาสู่การลงทุนใหม่ๆ มี Fund Flow เข้ามาลงทุนด้าน Real Sector จากต่างประเทศ ส่งผลให้มีการเดินทางเข้ามาเจรจาธุรกิจเพิ่มขึ้น
ส่วนด้านการท่องเที่ยวนั้นประเทศไทยมีความโดดเด่นอยู่แล้ว ปัจจัยเหล่านี้น่าจะส่งผลสะท้อนมาถึงดีมานด์ที่ต่อเนื่องมาถึงโรงแรมที่พักด้วย
ด้านการลงทุนในธุรกิจนี้ เชื่อว่า Chain ต่างประเทศน่าจะยังมีความโดดเด่นกว่าเนื่องจากกลุ่มทุนโรงแรมไทยเสียเปรียบในแง่ของเงินทุน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจโรงแรมไม่ว่าจะเป็น Chain ในประเทศ หรือต่างประเทศยังต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น คือ ความอ่อนไหวต่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ความไม่สงบ หรือเหตุการณ์ใดๆก็ตาม เพราะเมื่อไหร่ที่มีเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นค่อนข้างจะมีผลต่อความรู้สึกของนักท่องเที่ยวอย่างมาก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ตั้งเป้าประมาณการตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 51 ไว้ที่ 15.7 ล้านคน ทำรายได้ 6 แสนล้านบาท จากสรุปภาพรวมในปี 50 จำนวนนักท่องเที่ยวเทศอยู่ที่ 13.51 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้ที่ 14.8 ล้านคน แต่ยังคงมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 5.47 แสนล้านบาท
แนวโน้มการท่องเที่ยวช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ททท.ยังเชื่อว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นหลังการเลือกตั้งผ่านไปด้วยดี โดยนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้จองตั๋วโดยสาร-ที่พักล่วงหน้าเต็มจนถึงช่วงเดือนมีนาคม
นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป คาดว่า ปัญหาโอเวอร์ซัพพลายของธุรกิจนี้ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในปีนี้ แม้ว่าจะมีจำนวนโรงแรมเปิดใหม่เกิดขึ้นมากมาย
"ยอมรับว่าปัญหาโอเวอร์ซัพพลายก็น่าเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่คิดว่าคงยังไม่เห็นในปีนี้...ธุรกิจนี้หาก RUN ด้วย Chain ต่างประเทศที่แข็งแกร่ง มี Channel ในการขาย ก็ค่อนข้างดี แต่ถ้าไม่เคยทำธุรกิจโรงแรมมาก่อนแล้วจะมาทำด้วยตัวเองโดยไม่ใช้ Chain ต่างประเทศ Support ก็คงยากที่จะอยู่รอด หรือแม้แต่ถ้าใช้ Chain ต่างประเทศก็ต้องดูอีกว่าเป็นใคร"
*แนะหุ้นเด่น MINT-ERAWAN
นักวิเคราะห์ ระบุว่า หากเทียบในส่วนของกำไรก่อนรายการพิเศษมองว่ามีเพียง บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เจ้าเดียวที่จะสามารถรักษาการเติบโตที่ระดับ 20% อย่างต่อเนื่อง และปีนี้ก็คงจะเติบโตในระดับนี้ต่อไป
ส่วนบมจ.ดิ เอราวัณ กรุ๊ป(ERAWAN) ปี 50 ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจ ขายอาคารอัมรินทร์พลาซ่าออกไปให้กับบริษัท เกสร โฮดล์ดิ้ง ทำให้มีการบันทึกกำไรพิเศษเข้ามา ซึ่งส่งผลให้กำไรสุทธิปี 50 เติบโต
และมาถึงปี 51 ERAWAN ซึ่งจะอยู่บนฐานของโครงสร้างธุรกิจใหม่น่าจะกลับมา Turn Around ได้แล้ว ประกอบกับโรงแรมใหม่ คือ Courtyard Marriott Bangkok ที่เปิดตัวไปในเดือนพ.ย.50 ปีนี้น่าจะมีอัตราการเข้าพักมากขึ้นจากอัตราการเข้าพักเดือนพ.ย.50 อยู่ที่ 48% ขณะที่ในเดือนธ.ค.สูงขึ้นเป็น 59% นอกจากนี้ Six Senses ภูเก็ต จะเปิดกลางเดือน ก.พ.51, IBIS ปีนี้น่าจะเปิดได้ประมาณ 4-5 แห่ง
"เชื่อว่าปีนี้น่าจะเป็นปีที่ดีของ ERAWAN เช่นกัน"นักวิเคราะห์ กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป แนะนำเข้า"ซื้อลงทุน"ได้ทั้ง MINT และ ERAWAN ประเมินราคาเป้าหมาย MINT ที่ 20.90 บาท จาก 17 บาท ส่วน ERAWAN ราคาเป้าหมายที่ 6.30 บาท จาก 4.30 บาท
ด้าน บล.เอเซีย พลัส และ บล.ฟาร์อีส ต่างแนะนำให้ซื้อ ERAWAN โดย บล.เอเชีย พลัส มองว่า ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไปจะเริ่มเก็บเกี่ยวผลจากการลงทุนในโรงแรม 12 แห่งที่จะทยอยเปิดให้บริการต่อเนื่อง และจะรับรู้รายได้เต็มที่จาก Courtyard กรุงเทพฯ รวมถึงบางส่วนจากโรงแรมใหม่ที่จะเปิดอีก 6 แห่ง (Six Senses และ IBIS 5 แห่ง)
ขณะที่ปี 2552 จะมีโรงแรมใหม่เปิด 4 แห่ง และที่เหลือ 2 แห่งในปี 2553 อิงประมาณการใหม่ กำหนดมูลค่าที่เหมาะสมภายใต้วิธีส่วนลดกระแสเงินสด จะได้มูลค่าที่เหมาะสมใหม่ปี 2551 ที่ 4.85 บาท
ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ฟาร์อีสท์ คาดว่า โรงแรมใหม่ที่ ERAWAN ลงทุนไปจะเริ่มผลิดอกออกผลเป็นรายได้ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป นอกจากนี้คาดว่าภายหลังปัญหาการเมืองและเศรษฐกิจคลี่คลาย จะทำให้ภาวะอุตสาหกรรมท่องเที่ยวดีขึ้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ ERAWAN ขยายธุรกิจโรงแรม
ดังนั้น คาดว่าปีหน้ารายได้จะเพิ่มขึ้น 28% เป็น 4,044 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิที่ 479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จึงให้ราคาเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานปี 2551 ประเมินด้วยวิธีส่วนลดกระแสเงินสด 4.80 บาท
ราคาหุ้นเด่นในกลุ่มโรงแรม ตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปี 2550 มีความเปลี่ยนแปลง ดังนี้
หุ้น 3 ม.ค.50(บาท/หุ้น) 28 ธ.ค.50(บาท/หุ้น) เปลี่ยนแปลง(%
MINT 10.90 18.20 +66.97
ERAWAN 3.70 4.04 +9.19
CENTEL 6.30 5.60 -11.11

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ