ดัชนีกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 312.42 จุด เพิ่มขึ้น 0.04 จุด (+0.01%)เมื่อเวลา 15.00 น. หุ้นที่ขยับขึ้นใน 5 อันดับแรก ได้แก่ หุ้น MK บวก3% มาอยู่ที่ 4.12 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 48.59 ล้านบาท
หุ้น NUSA บวก 16.22% มาอยู่ที่ 0.43 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท มูลค่าซื้อขาย 57.75 ล้านบาท
หุ้น SAMCO บวก 8.54% มาอยู่ที่ 2.16 บาท เพิ่มขึ้น 0.17 บาท มูลค่าซื้อขาย 39.23 ล้านบาท
หุ้น PACE บวก 7.41% มาอยู่ที่ 0.58 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 22.13 ล้านบาท
หุ้น RML บวก 1.45% มาอยู่ที่ 1.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท มูลค่าซื้อขาย 6.50 ล้านบาท
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นหลายตัวในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวดีขึ้นภายหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับเกณฑ์คุมสินเชื่อบ้านพร้อมเลื่อนบังคับใช้ออกไปอีก 3 เดือน แม้จะมองว่าระยะเวลาที่เลื่อนออกไปยังน้อยเกินไป ควรจะเลื่อนออกไปให้มากกว่านี้ และเกณฑ์ LTV เป็นลักษณะของยิ่งมีบ้านมากก็ยิ่งต้องดาวน์เพิ่มขึ้น ถือว่ายังมีผลกระทบต่อกลุ่มอสังหาฯ อยู่ เพียงแต่ผลกระทบน้อยลงกว่าเกณฑ์ที่เคยออกมาเบื้องต้น
ด้านราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาฯได้ตอบรับประเด็นนี้ไปมากแล้ว และเมื่อเกณฑ์ของ ธปท.ออกมาชัดเจนขึ้น ซึ่งไม่ได้แย่ไปกว่าเดิม ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ ปรับตัวขึ้นมาได้บ้าง
"กลุ่มพวกคอนโดมิเนียม พวกนี้จะโดนกระทบมาก และพวกบ้านราคาแพงก็จะโดนผลกระทบไปด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการคงจะต้องปรับตัว อาจทำบ้านหรือคอนโดฯที่มีราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทมากขึ้น"
อนึ่ง ธปท.ปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย โดยสรุปจะเริ่มใช้เกณฑ์ใหม่กับสัญญากู้ซื้อที่อยู่อาศัยปล่อยใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.62 เป็นต้นไป โดยจะยกเว้นกรณีที่มีสัญญาจะซื้อจะขายก่อนวันที่ 15 ต.ค.61
ทั้งนี้ ธปท.กำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำหรืออัตราส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) สำหรับการผ่อนที่อยู่อาศัยพร้อมกัน 2 หลังขึ้นไปและมีราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป โดยที่อยู่อาศัยหลังที่ 2 ที่ราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทและผ่อนชำระหลังแรกตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจะต้องวางดาวน์ 10% ขณะที่ถ้าผ่อนชำระหลังแรกยังไม่ถึง 3 ปี หรือกู้ซื้อที่อยู่อาศัยราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องวางดาวน์ 20% ส่วนที่อยู่อาศัยหลังที่ 3 ขึ้นไปจะต้องวางดาวน์ 30% ในทุกระดับราคา