นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้ช่วยผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ mai ได้มีการจัดโครงการ IDE to IPO เพื่อพัฒนาศักยภาพในการบริหารจัดการการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการที่มีนวัตกรรมเพื่อเป็นการสร้างขีดความสามรถในการแข่งขันให้กับประเทศ และมีการเชื่อมต่อเข้ากับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อผลักดันให้สามารถเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์เป็นส่วนหนึ่งในการคัดกรองบริษัทเพื่อให้เป็นระบบนิเวศ (Ecosystem) ของการเติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยได้รับประโยชน์ทั้งบริษัทที่เข้าร่วมโครงการที่สามารถเติบโตได้ และภาครัฐที่สามารถใช้เงินลงทุนได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ปัจจุบันมีบริษัทที่อยู่ในโครงการ IDE to IPO รุ่นที่ 1-2 ที่มีแนวโน้มสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ภายในปี 62 ราว 4 บริษัท ประกอบไปด้วย บริษัท วงใน มีเดีย จำกัด, บริษัท ดิจิโอ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอทิซ อินโนเวชั่น จำกัด และบริษัท ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์ จำกัด ส่วนโครงการ IDE to IPO รุ่นที่ 3 ที่กำลังจะเปิดในช่วงต้นปี 62 จะมีมุ่งเน้นในบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ซึ่งมองว่าการท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่สามารถสร้างเม็ดเงินให้กับประเทศได้ และสำหรับโครงการรุ่นที่ 4 ในอนาคต คาดว่าจะมุ่งเน้นในกลุ่มบริษัทที่เป็น "Creative buniness" ให้มากขึ้นด้วย นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้วางงบลงทุนสำหรับบริษัท Start ups และ SMEs ไว้ราว 1.6 พันล้านบาท โดยจัดสรรเงินเพื่อลงทุนเป็น 2 ส่วน ได้แก่ Venture Capital Fund จำนวน 600 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจไทย โดยร่วมลงทุนกับธนาคารออมสิน (GSB) 3 กองทุน จำนวน 400 ล้านบาท และร่วมลงทุนกับธนาคารกรุงไทยและสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) 2 กองทุน จำนวน 200 ล้านบาท อีกส่วนเป็น Corporate Venture Capital (CVC) เพื่อลงทุนเชิงกลยุทธ์ในบริษัทไทยและต่างประเทศ ที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจของตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ขนาดกองทุน 1 พันล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นขอสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่ออนุมัติให้ประกอบธุรกิจ