นายพงศ์ปิติ เอกเธียรชัย ผู้จัดการ บริษัท ไลฟ์ ฟินคอร์ป จำกัด (LiVE) เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ทอัพที่อยู่ใน LiVE platform ที่สามารถระดมทุนได้แล้วจำนวน 2 ราย จากทั้งหมด 19 ราย ซึ่งมีมูลค่าการระดมทุนทั้ง 2 บริษัทราว 8-10 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ราว 20 ล้านบาท ซึ่งจะสิ้นสุดระยะเวลาการระดมทุนภายในเดือนพ.ย.61
ขณะเดียวกัน บริษัทสตาร์ทอัพที่อยู่ใน LiVE platform เบื้องต้นจะต้องทำการชะลอการระดมทุนออกไปก่อน เนื่องจากมองว่าต้องใช้เวลาประชาสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการรับรู้แก่นักลงทุนให้มากขึ้น และเพื่อให้นักลงทุนเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลมากขึ้น
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการหาผู้สนับสนุน หรือ "Sponsor" ในการเป็นคนกลางเพื่อสามารถนำเสนอข้อมูลให้นักลงทุน และแนะนำการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ รวมถึงวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาเป็น Sponsor อาจมาจากบริษัทหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ หรือผู้เชี่ยวชาญการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในสิ้นปี 61 ถึงไตรมาสที่ 1/62
อนึ่ง ปัจจุบันมีบริษัทสตาร์ทอัพในประเทศไทยราว 1,700 ราย และมีกว่า 100 รายที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นระยะเวลา 5 รอบระยะเวลาบัญชี และมีบริษัทที่อยู่ใน LiVE platform จำนวน 19 บริษัท
นายพงศ์ปิติ กล่าวอีกว่า กลุ่มบริษัทสตาร์ทอัพมีการนำเสนอข้อเสนอว่าควรส่งเสริมให้การจัดตั้งและประกอบกิจการสตาร์ทอัพในประเทศเป็นไปอย่างสะดวก โดยจัดตั้งหน่วยงานที่กำกับดูแลสตาร์ทอัพโดยเฉพาะการจัดตั้งหน่วยงานบริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) และควรให้การสนับสนุนทางการตลาดรวมไปถึงการขยายไปยังต่างประเทศ ทั้งตลาดภาครัฐ ตลาดเอกชนและตลาดความร่วมมือระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกันควรให้การสนับสนุนเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีทักษะสูงต่อระบบนิเวศสตาร์ทอัพในไทย โดยอาจสนับสนุนในรูปแบบงบประมาณจากภาครัฐหรือให้สิทธิประโยชน์พิเศษทางด้านภาษี และสนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนา หรือการจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีโดยจัดสรรงบประมาณไว้สำหรับเรื่องนี้โดยเฉพาะ
และควรส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและการระดมทุนของบริษัทสตาร์ทอัพเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุน และส่งเสริมให้มีการสร้างสังคมผู้ประกอบการ โดยให้ความสำคัญต่อการพัฒนาทักษะและความรู้ด้านเทคโนโลยีและความเป็นผู้ประกอบการ รวมถึงสนับสนุนให้คนทุกช่วงอายุสามารถเป็นผู้ประกอบการได้
นอกจากนี้ ควรให้การสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและการจัดตั้งหน่วยงานที่เป็นศูนย์รวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยควรให้มีกฎหมายที่เอื้ออำนวยให้เกิดการทดสอบและพัฒนานวัตกรรมและมีระบบโครงสร้างพื้นฐานในภาพรวมระดับประเทศ เช่น ข้อจำกัดในเรื่องของการแปลงหนี้เป็นทุน, การเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลอื่นซึ่งมิใช้ผู้ถือหุ้นเดิม เป็นต้น