นางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (DOD) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการเข้าไปศึกษา เพื่อเข้าซื้อหุ้นบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ด้านความงาม คิดเป็นเงินทั้งสิ้นไม่เกิน 400 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นคาดว่า ดีลดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธ.ค.61
สาเหตุที่บริษัทมีแผนข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว เพราะเล็งเห็นว่าจะสามารถต่อยอดธุรกิจและเสริมทัพธุรกิจ ให้บริษัทฯมีความแข็งแกร่งมากขึ้น เนื่องจากบริษัททั้ง 2 แห่งมีการดำเนินธุรกิจในรูปแบบใกล้เคียงกัน ดังนั้น เชื่อว่าการเข้าไปลงทุนในครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพ DOD ให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ด้านความงามและสุขภาพได้อย่างครบวงจร พร้อมทั้งยังสามารถขยายฐานลูกค้าให้กับ DOD ได้เพิ่มขึ้น รวมถึงยังเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทในอนาคตอันใกล้ได้อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจาก บริษัทจะเป็นผู้ผลิตแล้ว บริษัทยังมีช่องทางการตลาดให้กับกลุ่มลูกค้า เพื่อขยายตลาดแบรนด์สินค้าของลูกค้าไปยังประเทศจีนอีกด้วย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา DOD ได้รับเลือกเป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียวที่ร่วมลงนามเซ็น MOU กับ CNR MALL และสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร - วิตามิน ผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย – ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สกินแคร์ และเครื่องสำอาง ผ่านช่องทางการจำหน่าย TV shopping ของ CNR MALL ช่องสถานีโทรทัศน์ CCTV ซึ่งปัจจัยดังกล่าว เป็นการแสดงศักยภาพให้เห็นถึงการก้าวสู่ผู้นำธุรกิจผลิตผลิตภัณฑ์ความงามและสุขภาพแบบครบวงจร
"ภาพรวมธุรกิจของบริษัทในช่วงโค้งสุดท้าย มองว่ายังคงมีแนวโน้มอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเตรียมส่งมอบออเดอร์ผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบใหม่ๆที่เตรียมออก ในช่วงไตรมาส 4/61นี้ นอกจากนี้ยังมีดีลซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา โดยเบื้องต้นคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้"นางสาวศุภมาส กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานประจำงวดไตรมาส 3/61 บริษัทฯมีรายได้รวม 157.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 102.72 % จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวม 77.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 72.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น168.71 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 27.07 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 63.46 % เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 59.09 % หรือ 4.38 %
ส่วนงวด 9 เดือนแรกปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 605.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น106.80 % จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 292.77 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ จำนวน 296.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.16 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 115.12 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 63.04 % เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 59.46 % หรือเพิ่มขึ้น 3.58 %
บริษัทมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นผลต่อเนื่องจากกรณีที่บริษัทฯย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ไปที่นิคมอุตสาหกรรมอยู่เจริญ-ท่าจีน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 7 ไร่ ทำให้มีกำลังการผลิตในการรองรับออเดอร์จากลูกค้าขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตประมาณ 1,000,000 กล่องต่อเดือน และสามารถรองรับการผลิตได้เต็มที่กว่า 1,600,000 กล่องต่อเดือน หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของกำลังการผลิตทั้งหมด จากการรับจ้างพัฒนาและผลิต (ODM) ประกอบกับ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมียอดออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากลูกค้าหลายราย มีการย้ายฐานผลิตจากที่เดิม มาผลิตและออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใหม่ๆกับทางบริษัทฯ
ขณะที่งวด 9 เดือนบริษัทยังคงมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิตั้งแต่งวดไตรมาส 1/61 ที่ 111.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.52 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ไตรมาส 2/61 มีกำไรสุทธิ 112.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54.54 ล้านบาท และไตรมาส 3/61 กำไรสุทธิ 72.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 27.07 ล้านบาท งวด 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯมีความสามารถในการทำกำไรสุทธิสูงกว่าทั้งปี 60 ที่มีกำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะเติบโตแบบก้าวกระโดด