WHAUP มองแนวโน้มธุรกิจ Q4/61 ดีต่อเนื่องจาก Q3/61 ตามแผนทยอย COD โซลาร์รูฟท็อป-ค้าปลีกก๊าซฯในนิคมฯหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 12, 2018 10:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิเศษ จูงวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ (WHAUP) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/61 มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งจากธุรกิจสาธารณูปโภค ที่มีปริมาณความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น และจากธุรกิจพลังงานจากการทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการ Solar Rooftop และธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติโครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2 ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้บริษัทมั่นใจว่าอัตราการเติบโตของรายได้ทั้งปีจะมีแนวโน้มขยายตัวในทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อเทียบจากปีก่อน

ส่วนการให้บริการติดตั้งแผง Solar Rooftop ให้กับลูกค้า ภายในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ ยังคงมีเข้ามาต่อเนื่อง เนื่องจากลูกค้าเริ่มให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังสามารถช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมาก ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 1.4 เมกะวัตต์ (MW) อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกจำนวน 6.5 เมกกะวัตต์ และที่อยู่ระหว่างการเจรจาและรอเซ็นสัญญาเพิ่มเติมอีกประมาณ 2.1 เมกะวัตต์ ดังนั้น ในปีนี้คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาให้บริการ Solar Rooftop จำนวนทั้งสิ้น 10 เมกะวัตต์ ตามแผน

สำหรับธุรกิจค้าปลีกก๊าซธรรมชาติโครงการ ดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์น ซีบอร์ด เอ็นจีดี 2 จะก่อสร้างแล้วเสร็จและพร้อมจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้ลูกค้าในอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 2 ได้ภายในไตรมาส 4/61 นี้ ขณะที่โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 62

ด้านการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะโครงการสาธารณูปโภคในประเทศเวียดนามนั้น ซึ่งบริษัทได้สิทธิในการดำเนินธุรกิจสาธารณูปโภคด้านน้ำ ในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ เหงะอาน ที่ประเทศเวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการ และคาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 62

นายวิเศษ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/61 มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 443.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.2% เมื่อเทียบจากปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 547.3 ล้านบาท ลดลง 1.2 % โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 124.9 ล้านบาทในไตรมาส 3/61 และ 119.7 ล้านบาทในไตรมาส 3/60 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 631.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Profit) จำนวน 577.4 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 28.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 61 บริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 1,288.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.4 % เมื่อเทียบจากปีก่อน และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจำนวน 1,453.4 ล้านบาท ลดลง 2.5 % เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยในจำนวนนี้ประกอบด้วยกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 60.2 ล้านบาทใน 9 เดือนแรกปี 61 และ 458.6 ล้านบาทใน 9 เดือนแรกปี 60 โดยบริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 1,643.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ (Normalized Net Profit) จำนวน 1,654.1 ล้านบาท มีการเติบโตเพิ่มขึ้น 52.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

"สำหรับการเติบโตเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานในงวดที่ผ่านมา เป็นผลมาจากปริมาณการใช้น้ำของลูกค้าภายในนิคมอุตสาหกรรมและจากการขยายตัวของลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรมทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งธุรกิจโรงไฟฟ้าที่มีผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯอยู่ที่ 511 เมกะวัตต์ "นายวิเศษ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ