นายสาธิต สุดบรรทัด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถผลักดันยอดขายในปีนี้เติบโตตามเป้าหมาย โดยไตรมาสของปีนี้สุดท้ายมีแผนผลิตสินค้าหลังคาคอนกรีตรูปลอนใหม่ รุ่นเวนิส (CT Venice) เพื่อเป็นหัวหอกรุกขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ ประเทศกัมพูชา ซึ่งบริษัทเข้าไปทำตลาดมาเป็นระยะเวลานานและผู้บริโภคในท้องถิ่นให้การยอมรับในแบรนด์และคุณภาพสินค้าเป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าเป็นผลดีต่อภาพรวมยอดขายจากตลาดส่งออกจะปรับตัวดีขึ้น
"เรามั่นใจในศักยภาพและความพร้อมรุกทำตลาดวัสดุก่อสร้าง ด้วยจุดแข็งของแบรนด์สินค้าและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์รวมถึงกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า รวมทั้งมีแผน พัฒนาธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อการผลักดันเป้าหมายให้เติบโตได้ตามแผนและตอกย้ำความเชื่อมั่นให้นักลงทุนว่า DRT เป็นหุ้นที่มีความยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่นักลงทุน"นายสาธิต กล่าว
ก่อนหน้านี้ DRT ตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้เติบโต 5% จากปีที่แล้ว
นายสาธิต กล่าวอีกว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,370.76 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิ 335.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.96% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 3/61 มี มีรายได้รวม 1,014.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.42% จากช่วงเดียวกัน ซึ่งเป็นการเติบโตที่ดีกว่าแผนงาน โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 79.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.82% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ เป็นผลจากขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ ที่มีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง จากการดำเนินกลยุทธ์การตลาด ‘สวยครบเซต ตราเพชรทั้งหลัง’ ที่สามารถนำผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายของสินค้า ‘ตราเพชร’ ทั้งผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ผนังและพื้น ไปใช้ก่อสร้างและซ่อมแซมที่อยู่อาศัย ช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกช่องทางขาย
สำหรับกลุ่มลูกค้าโครงการและค้าห้างค้าปลีกวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ เป็นช่องทางการจัดจำหน่าย ที่มีอัตราการขยายตัวโดดเด่นที่สุดในไตรมาสนี้ เป็นผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของเครื่องจักรเฉลี่ยอยู่ในระดับ 85-90% ช่วยให้ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยลดลง ประกอบกับการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตและการบริหารสัดส่วนการขายสินค้าหรือ Product Mix ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาอัตราการทำกำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ 25-27% เป็นผลดีต่อกำไรสุทธิในไตรมาส 3/61 ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน