นายเกรียงไกร เพียรวิทยาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีไอ อีเลคตริค (SCI) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 3/61 มีรายได้รวม 329.24 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 7.21 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากค่าใช้จ่ายในการตั้งโรงงานที่พม่าและขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (backlog) จำนวน 350 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 62
"ภาพรวมธุรกิจของบริษัทฯ คาดว่าจะผ่านจุดต่ำสุดได้ในปีนี้ และมั่นใจว่าแนวโน้มในปี 62 ธุรกิจจะเติบโตขึ้น หลังจากโรงงานผลิตเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงและเสาสื่อสารโทรคมนาคม กำลังการผลิตเสาที่ 7,500 ตันต่อปี และชุบสังกะสีที่ 2.4 หมื่นตันต่อปี ในประเทศเมียนมาเริ่มเดินเครื่องอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีในปีหน้า"นายเกรียงไกร กล่าว
ทั้งนี้ ธุรกิจเสาส่งไฟฟ้าแรงสูงในเมียนมามีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายเร่งขยายการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน อีกทั้งภาคเอกชนก็เร่งขยายเครือข่ายโทรคมนาคมให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่ โดย SCI ได้จับมือกับพันธมิตรในเมียนมา และจีน เพื่อพัฒนาโครงการสายส่งร่วมกัน หากสามารถเจาะตลาดในเมียนมา ได้สำเร็จ SCI จะกลายเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้รับเหมา มีรายได้ที่เกื้อหนุนกัน ผลักดันผลงานเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคงในอนาคต
ส่วนความคืบหน้าในการขยายการลงทุนผ่านบริษัท ทียูทิลิตี้ส์ จำกัด (TU) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมลงทุนระหว่าง SCI และ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) โดย SCI ถือหุ้น 45% เพื่อลงทุนในพลังงานทดแทนและสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามีโครงการที่ได้เซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับโรงงานอุตสาหกรรมไปแล้ว 4 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างทยอยจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ส่วนที่เหลือคาดว่าจะทยอยติดตั้งในปีนี้และปี 62
"ทิศทางธุรกิจในปี 62 มั่นใจว่าจะเติบโตอย่างแน่นอน หลังจากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการขยายการลงทุน เพื่อรองรับการเติบโต ทั้งที่มาจากธุรกิจในประเทศเมียนมา ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี และมาจากส่วนแบ่งกำไรที่เกิดขึ้นจากการลงทุนผ่าน TU ซึ่งจะเริ่มรับรู้รายได้จากการขายไฟให้กับโรงงานอุตสาหกรรม" นายเกรียงไกรกล่าว