นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ (12-16 พ.ย.) คาดแกว่งตัวในกรอบ 1,650-1,700 จุด มีแนวโน้มผันผวนตามทิศทางตลาดโลก โดยเฉพาะปัจจัยจากประเทศสหรัฐฯ จากการที่นักลงทุนเข้าซื้อในตลาดพันธบัตรสะท้อนให้เห็นว่า ยังมีกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชะลอตัวจากผลของสงครามการค้ามากกว่าปัจจัยอื่น
ส่วนผลเลือกตั้งที่จบลง พรรคเดโมแครตกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาล่าง เป็นการสั่นคลอนต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พอสมควรและถือเป็นลบต่อตลาดหุ้น แต่ KTBST คาดว่าจะเป็นผลดีต่อประเทศอื่น ๆ รวมทั้งไทยในเรื่องการเจรจาการค้าเพราะมีแนวโน้มที่สหรัฐฯจะประนีประนอมกับประเทศอื่น ๆ มากขึ้นหลังเริ่มเห็นผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อีกปัจจัยสำคัญคือเรื่องทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 4 ของปีนี้ ในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ วันที่ 18-19 ธ.ค. นี้ ส่งผลให้นักลงทุนยังคงมีการปรับพอร์ตต่อเนื่อง และมีผลต่อแรงซื้อขายในตลาดหุ้นเกิดใหม่ด้วย ซึ่งจะเห็นได้จากสัปดาห์ที่ผ่านมามีเงินทุนเริ่มกลับเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ (EM) แต่ช่วงปลายสัปดาห์ค่าเงินและตลาดหุ้นมีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติออกมา สะท้อนให้เห็นว่าทิศทางตลาดของประเทศเกิดใหม่สัมพันธ์กับตลาดสหรัฐฯ
ส่วนราคาน้ำมันดิบต้องจับตาดูการประชุมฉุกเฉินของผู้ผลิตน้ำมันว่าจะลดการผลิตลงหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบ Brent และ WTI ร่วงลงมาปิดที่ระดับ 69.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำดับ สะท้อนถึงความกังวลต่อปริมาณที่สูง
ด้านปัจจัยในประเทศกำไรไตรมาส 3/61 ของตลาดเติบโตตามคาดล่าสุดอยู่ที่ 1.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 26% จากงวดปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน แต่หากไม่นับรวม กลุ่มธนาคาร , พลังงาน , ปิโตรเคมีแล้ว ขยายตัวเพียง 6.5% จากงวดปีก่อน และลดลง 5.2% จากไตรมาสก่อน แสดงให้เห็นว่ากำไรตลาดเติบโตเพียงบางตัวเท่านั้น ดังนั้น จึงต้องจับตาดูผลประกอบการของหุ้นเป็นรายตัว ซึ่งอาจไม่เติบโตดีเหมือนกำไรของตลาด
"การลงทุนในสัปดาห์นี้ KTBST คาดว่า ดัชนีจะวิ่งในกรอบ 1,650-1,700 จุด โดยทิศทางตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นหลัก แต่ปัจจัยการเมืองในประเทศที่เดินหน้าสู่ขั้นตอนต่างๆที่เตรียมสู่การเลือกตั้ง ถือเป็นบวกต่อตลาดหุ้น ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทยที่ยังมีความผันผวนอยู่ จึงต้องเน้นลงทุนแบบ "ลงซื้อ ขึ้นขาย" แต่เป็นจังหวะในการเข้าซื้อหุ้นดีที่ราคาลงมามาก โดยหุ้นเด่นในสัปดาห์นี้ KTBST เน้นหุ้นที่มีความแข็งแรงเหนือดัชนีฯ ได้แก่ หุ้น KBANK , GULF , MTC, ROBINS, BTS, GUNKUL, UTP, KCE"นายวิน กล่าว