นายสมพล เอกธีรจิตต์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ลีซ อิท (LIT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดหวังว่าจะสามารถเพิ่มรายได้ในไตรมาส 4/61 และจะยังคงรักษาการเติบโตสูงขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai (All Time High) โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 12/2561 ได้มีมติอนุมัติโครงการใหญ่ที่ทำงานให้กับภาครัฐ อาทิ โครงการปรับปรุงระบบวิทยุสื่อสารสู่ระบบดิจิตอล โครงการ USO Net โครงการพัฒนาระบบ Smart Metro Grid และโครงการบริการระบบเครื่องถอนเงินอัตโนมัติในระบบ ATM Pool ฯลฯ
อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังคงเดินหน้าตามแผนงาน 3 ปี (61-63) ทีได้มีการวางเอาไว้ โดยเตรียมย้ายหลักทรัพย์ไปซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และรักษาการเติบโตของรายได้เฉลี่ยต่อปีให้ไม่ต่ำกว่า 20% ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการความเสี่ยง โดยจะดำเนินการจัดอันดับเครดิต (Credit Rating) ให้อยู่ในระดับ Investment Grade เพื่อให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสมและได้เปรียบเชิงแข่งขัน
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/61 มีรายได้รวม 120.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.33 ล้านบาท หรือ 6.49% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 112.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 38.44 ล้านบาท ลดลง 0.7 ล้านบาท หรือ 1.86% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 39.17 ล้านบาท ขณะที่พอร์ตลูกหนี้สินเชื่ออยู่ที่ 2,330 ล้านบาท และมียอดปล่อยสินเชื่อถึง 8,037 ล้านบาท
"ในทุก ๆ ปีที่ผ่านมาไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี อันเนื่องมาจากการเร่งการประมูลและการเบิกจ่ายของหน่วยงานภาครัฐ อย่างไรก็ตาม อานิสงค์ของเศรษฐกิจที่ค่อยๆ ดีขึ้น ก็ยังไม่ได้ส่งผลในเชิงบวกโดยตรงแก่ผู้ประกอบการ SMEs มากนัก จึงทำให้ผู้ประกอบการ SMEs ยังไม่สามารถแข่งขันและสร้างการเติบโตได้เหมือนเช่นปีที่แล้วๆมา แต่บริษัทฯก็ยังเชื่อมั่นว่าบริษัทจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะเศรษฐกิจได้" นายสมพล กล่าว
ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 336.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.94 ล้านบาท หรือ 8.70% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 309.64 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 114.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.60 ล้านบาท หรือ 4.18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 110.20 ล้านบาทโดยล่าสุด สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ในระดับ 4.87%
บริษัทมีการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญในไตรมาสที่ 3/61 เป็น 6.03% ของยอดลูกหนี้คงเหลือ ทั้งนี้ เพื่อรองรับมาตรฐานการบัญชี TFRS9 ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.63 และเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน