นายพิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/61 มีสัญญาณการเติบโตที่ดีจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ให้กับพันธมิตรในประเทศจีน โดยปลายเดือน ต.ค.ได้เริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางยกกระชับผิวหน้าแล้ว ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และมีคำสั่งซื้อมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนเริ่มสั่งซื้อผลิตภัณฑ์กระชับสัดส่วน รวมทั้งพิจารณาเพิ่มการสั่งซื้อผลิตภัณฑ์แก้ไขปัญหาสิวและฝ้า ซึ่งใช้งานวิจัยจากมังคุดของบริษัทเป็นองค์ประกอบหลัก
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ VVIN+ เพื่อป้องกันการติดเชื้อและมะเร็ง และ ASL Serum & Cream เพื่อยกกระชับผิวหน้าและลดริ้วรอย จะเข้ามาช่วยเสริมยอดขายในช่วงไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น ผ่านการจำหน่ายครบทุกช่องทาง พร้อมจัดโปรโมชั่นกระตุ้นการขายต่อเนื่อง ผ่านการประชาสัมพันธ์ในช่องทาง Social Media จากสัญญาณการเติบโตดังกล่าว เชื่อว่าควรจะทำให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการมีผลประกอบการเทียบเท่ากับปีที่ผ่านมา
"ภูมิคุ้มกันบำบัด (BIMTHERAPY) ถือเป็นภารกิจหลักของบริษัท โดยเปิดช่องทางให้ผู้มีปัญหา ได้รับคำแนะนำในการใช้ผลิตภัณฑ์จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เพื่อให้สามารถบำบัดความผิดปกติได้ พร้อมทั้งประกาศเชิญผู้เชี่ยวชาญให้เข้าร่วมในภารกิจหลักนี้เพิ่มมากขึ้น ขณะนี้ นวัตกรรมสำหรับผู้ติดเชื้อHIV/AIDS และมะเร็ง ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคสูงกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ และจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักในภารกิจนี้"นายพิเชษฐ์ กล่าว
คณะนักวิจัย Operation BIM จึงได้เผยแพร่นวัตกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง เริ่มด้วยในวันที่ 29 ตุลาคม 2561 ได้ประกาศความสำเร็จในการใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับ HIV/AIDS และมะเร็งใน ที่ประชุมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทยครั้งที่ 44 และกำหนดจะประกาศความสำเร็จในระดับนานาชาติ เป็นปาฐกถาพิเศษ (Keynote lecture) ในที่ประชุมภูมิคุ้มกันวิทยานานาชาติ EuroSciCon Conference on IMMNOLOGY ณ ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 11 ถึง 13 มีนาคม 2562 เพื่อให้ภูมิคุ้มกันบำบัดของ APCO เป็นที่รู้จักในระดับสากลต่อไป
สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 61 บริษัทมีรายได้รวม 273.21 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 311.83 ล้านบาท จำนวน 38.62 ล้านบาท หรือลดลง 12.39% และมีกำไรสุทธิ 68.93 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 76.70 ล้านบาท จำนวน 7.76 ล้านบาท หรือลดลง 10.12%
ส่วนไตรมาส 3/61 บริษัทมีรายได้รวม 94.59 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 112.16 ล้านบาท จำนวน 17.57 ล้านบาท หรือลดลง 15.67% และมีกำไรสุทธิ 25.09 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31.54 ล้านบาท จำนวน 6.45 ล้านบาท หรือลดลง 20.45%
สาเหตุที่ผลประกอบการของบริษัทมีการชะลอตัวลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาการตรวจสอบแหล่งผลิตและจำหน่ายสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ายอดขายจะกลับมาเป็นปกติในช่วงไตรมาส 4 นี้