PPS ปรับโครงสร้างธุรกิจจับมือพันธมิตรสิงคโปร์รุกขยายงาน,คาด Q4/61 รับรู้ฯ งานเอกชนหนุนโต

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 13, 2018 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพงศ์ธร ธาราไชย ประธานกรรมการบริหาร บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส (PPS) เปิดเผยว่า บริษัทปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจของบริษัทย่อย โดยเปลี่ยนชื่อ PPSD เป็น PPS Oneworks ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติ คือ Oneworks Asia นิติบุคคลจากประเทศสิงคโปร์ (บริษัทแม่คือ Oneworks บริษัทสถาปนิกชั้นนำจากประเทศอิตาลี) ได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 30 ล้านบาท โดย PPS ถือหุ้น 51% และ Onework Asia ถือหุ้น 49% เพื่อขยายธุรกิจด้านการออกแบบ การบริหารงานก่อสร้าง งานประมาณราคา งาน BIM (Building Information Modeling) และ Technical Support

นอกจากนี้ยังเปลี่ยนชื่อ PIC เป็น PPSI หรือ บริษัท พีพีเอส อินโนเวชั่น จำกัด รองรับการรับงานด้าน Facility Management หรือ การบริหารจัดการอาคาร เพื่อขยายขอบเขตการรับงานทั้งงานที่ปรึกษาด้านพลังงานและด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้าง ทั้งนี้การปรับโครงสร้างของบริษัทย่อยดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างศักษภาพและโอกาสในการรับงานมากขึ้น

ขณะที่บริษัท โปรฟิน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนดำเนินธุรกิจ Project Financing และ ICO Portal มีแผนจะยื่นการขออนุมัติในการเป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายดิจิทัล จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ภายในเดือน พ.ย.และคาดว่าจะทราบผลเร็วๆนี้

สำหรับแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาส 4 บริษัทจะทยอยรับรู้รายได้จากงานเอกชนหลายแห่ง อาทิ โครงการคอนโดมีเนียม โครงการค้าปลีก รวมถึงงานภาครัฐบางส่วน นอกจากนี้มีงานห้างสรรพสินค้า รวมทั้งงานจากโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา มูลค่ารวมประมาณ 150 ล้านบาท และอยู่ในระหว่างศึกษาโครงการที่จะเปิดโอกาสให้มีการยื่นประมูลงานในอนาคต เช่น งานรถไฟ งานโครงการท่าเรือ ปัจจุบันบริษัทมี Backlog อยู่ที่ 286 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณ 76 ล้านบาทภายในปีนี้ ที่เหลือจะทยอยรับรู้ได้รายถึงปี 64

ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 61 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 299.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 289.09 ล้านบาท จำนวน 10.62 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 3.67 % และมีกำไรสุทธิ 20.25 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 51.41 ล้านบาท จำนวน 31.16 ล้านบาท หรือลดลง 60.61%

ขณะที่ไตรมาส 3/61 มีรายได้รวม 104.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 98.82 ล้านบาท จำนวน 6.13 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6.20% และมีกำไรสุทธิ 5.75 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 17.73 ล้านบาท จำนวน 11.98 ล้านบาท หรือลดลง 67.59%

นายพงศ์ธร กล่าวว่า ผลประกอบการของบริษัทมีการชะลอตัวลงเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงขึ้น จากการปรับค่าจ้างของพนักงานประจำปีและรับพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับการดำเนินงานในธุรกิจใหม่ นอกจากนี้บริษัทมีการปรับประมาณการรายได้บางโครงการ อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 จะกลับมารับรู้กำไรตามปกติ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ