นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก (1994) (TPLAS) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับแผนกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อขยายช่องทางธุรกิจและกระจายความเสี่ยงของรายได้ให้สอดรับกับนโยบายของบริษัทฯ โดยมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ และสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น พร้อมทั้งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมอาหาร ที่ต้องการเก็บรักษาสินค้าและวัตถุดิบให้อยู่ได้นาน รวมถึงเจาะตลาดตามห้างสรรพสินค้าและโรงแรมมากขึ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯยังเร่งเพิ่มช่องทางการตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อให้สอดรับกับนโยบายเปิดการค้าเสรีอาเซียน (AEC) เนื่องจากการกลุ่มดังกล่าวมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น หาก TPLAS สามารถเข้าไปเจาะตลาดในกลุ่ม AEC ได้ ก็จะส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มของรายได้รวมได้ครบคลุมมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 61 บริษัทฯ มีรายได้รวม 409.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 17.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.25% เมื่อเทียบกับผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปี 60 ที่มีรายได้รวม 390.56 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 16.0 ล้านบาท สาเหตุที่บริษัทฯมีอัตราผลการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ถุงบรรจุอาหารและถุงหูหิ้ว พร้อมทั้งฟิล์มยืดห่อหุ้มอาหาร มีความต้องการใช้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯมีการวางกลยุทธ์ในการเจาะตลาดในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยเฉพาะกลุ่มซาปั๊ว รวมถึงกลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ส่วนไตรมาส 3/61 บริษัทมีรายได้รวม139.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5.27 ล้านบาท ลดลง 3.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.45 % เมื่อเทียบกับผลดำเนินงานงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไร 8.9 ล้านบาท เนื่องจากราคาวัตถุดิบหลักปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เม็ดพลาสติกชนิด PP HDPE และ PVC
"สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมในช่วงที่ผ่านมาอาจจะซบเซา แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยจะพิจารณาจากยอดขายในงวด 9 เดือนแรกที่มีอัตราการเติบได้ต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะบริษัทมีการบริหารจัดการที่ดี และมีการวางแผนและปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะการเจาะไปยังกลุ่มลูกค้ารายย่อยโดยตรง รวมถึงกลุ่มซาปั๊ว ทำให้บริษัทมีมาร์จิ้นที่ดี และสามารถลดความความเสี่ยงได้ ซึ่งบริษัทมีอัตราการเติบโตที่สวนทิศทางตลาดของอุตสาหกรรมพลาสติกด้านบรรจุภัณฑ์"นายธีระชัย กล่าว