นายทรงวิทย์ ฐิติปุญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเนอร์เจติค ออโต้ เพอร์ฟอร์มานซ์ (ASAP) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปี 61 เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 25-30% หลังจากมีการขยายพอร์ตรถใหม่ในปีนี้เพิ่มอีก 5 พันคัน รวมถึงมองว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีนี้เติบโตได้ดี และการดำเนินกิจกรรมทางธุรกิจขององค์กรต่าง ๆ มีความจำเป็นต้องใช้บริการรถยนต์
ขณะเดียวกันคาดว่าปี 62 รายได้จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากปีนี้ โดยเชื่อว่าความชัดเจนจากการเลือกตั้งจะผลักดันให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโต รวมถึงการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ (Megaproject) ของภาครัฐจะเริ่มให้ผลตอบแทนชัดเจนมากขึ้น อาทิ การลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเบื้องต้นคาดว่าบริษัทเตรียมเสนอแผนเพิ่มพอร์ตรถใหม่ในปีหน้าอีกจำนวน 5 พันคัน เข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 14 พ.ย.นี้
อีกทั้งบริษัทคาดว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทในอีก 2-3 ปีข้างหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้จากค่าเช่ารถยนต์ 80% และรายได้จากการขายรถหมดสัญญา 20% เนื่องจากในปี 63 จะมีรถที่หมดสัญญาจำนวนกว่า 4 พันคัน อย่างไรก็ดี สัดส่วนที่เปลี่ยนแปลงไปจะมีผลต่อกำไรของบริษัท เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของการขายรถหมดสัญญาสูงกว่าการให้เช่ารถ
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเปิดโครงการ Open House ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ เพื่อเปิดให้ผู้ที่สนใจธุรกิจแฟรนไชส์จำนวน 16 รายเข้าเยี่ยมชมธุรกิจ โดยคาดว่าในเฟสแรกจะมีการคัดเลือกได้ราว 3-4 ราย ซึ่งปัจจุบันแฟรนไชส์ขนาดเล็ก (S) ได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนค่อนข้างมาก เนื่องจากใช้เงินลงทุนไม่มากราว 2-3 ล้านบาทต่อแห่ง ในพื้นที่ราว 70-80 ตารางเมตร และสามารถทำรายได้ในระดับที่ดี
ขณะที่บริษัทมีแผนเพิ่มประเภทขนาดแฟรนไชส์ขนาดเล็กมาก (SS) คาดว่าใช้เงินลงทุนเพียง 3-5 แสนบาทต่อแห่ง เนื่องจากจะมีการลงทุนเพียงบูธและเคาท์เตอร์ เพื่อเปิดให้บริการรถเช่ารายวันเพียงอย่างเดียวตามเมืองท่องเที่ยวและชุมชน
นอกจากนี้ บริษัทได้รับความร่วมมือกับโตโยต้าในการรับมอบรถยนต์รุ่น Toyota C-HR จำนวน 100 คัน เพื่อให้บริการรถยนต์ให้เช่าผ่านแอพพลิเคชัน ASAP Go มูลค่าราว 100 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นจะเริ่มให้บริการลูกค้าแบบ Private use และรองรับดีลกับสถาบันการเงินที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าที่ใช้บริการผ่านแอพฯ จากปัจจุบันมีการให้บริการเช่ารถระยะสั้นและระยะยาว
สำหรับแอพพลิเคชัน ASAP Go ปัจจุบันมีการเปิดให้บริการแล้วผ่านระบบแอนดรอยด์ และจะสามารถเปิดให้บริการในระบบ iOS อย่างสมบูรณ์ได้ภายในสัปดาห์นี้ โดยบริษัทวางแผนในการพัฒนาการให้บริการผ่านแอพฯอย่างครอบคลุม และในอนาคตคาดว่าจะมีการขยายธุรกิจไปยังส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ให้มากขึ้นด้วย